กฎข้อที่สองของเทอร์โมไดนามิกส์ก็จะเป็นความสัมพันธ์ระหว่าง
การเกิดขึ้นได้เองของกระบวนการกับเอนโทรปี
กฎข้อที่สองของเทอร์โมไดนามิกส์
กล่าวว่า "สำหรับกระบวนการที่เกิดได้เองและย้อนกลับไม่ได้
(spontaneous
& irreversible process) เอนโทรปีของจักรวาล (DSuniv)
จะมากกว่าศูนย์ และสำหรับกระบวนการที่ย้อนกลับได้ (reversible process)
และอยู่ในสมดุล เอนโทรปีของจักรวาลจะไม่เปลี่ยนแปลง"

ในการคำนวณ
DSuniv เราจำเป็นต้องทราบค่าการเปลี่ยนแปลงเอนโทรปีในระบบ
(DSsys) และการเปลี่ยนแปลงเอนโทรปีของสิ่งแวดล้อม
(DSsurr)
พิจารณาปฏิกิริยาระหว่างสาร
A และ B
aA
+ bB -------------> cC
+ dD
เราสามารถหาการเปลี่ยนแปลงเอนโทรปีในระบบ
(DSosys)
ได้จาก
DSosys |
=
DSorxn |
= åmDSo(สารผลิตภัณฑ์)
- ånDSo(สารตั้งต้น) |
|
|
= [cSo(C)
+ dSo(D)]
- [aSo(A)
+ bSo(B)]
|
เมื่อ |
a,
b, c และ d |
คือ
stoichiometric coefficient ของสารในปฏิกิริยา |
|
SmDSo |
คือ ผลรวมของการเปลี่ยนแปลงเอนโทรปีของสารผลิตภัณฑ์ |
|
SnDSo |
คือ ผลรวมของการเปลี่ยนแปลงเอนโทรปีของสารตั้งต้น |
|
m และ n |
คือ stoichiometric
coefficient ของสารตั้งต้นและสารผลิตภัณฑ์ในปฏิกิริยาตามลำดับ |
หมายเหตุ :
So
หมายถึง เอนโทรปีที่สภาวะมาตรฐาน
โดยอุณหภูมิเป็น 25 oC และความดันเท่ากับ 1 atm

|
|
ในกระบวนการคายความร้อน
ระบบจะคายความร้อนให้กับสิ่งแวดล้อมซึ่งจะช่วยให้โมเลกุลของสิ่งแวดล้อมเคลื่อนที่ได้ดีขึ้น
ทำให้ระบบมีความไม่เป็นระเบียบลดลง ส่วนเอนโทรปีของสิ่งแวดล้อมก็จะสูงขึ้น |
|
ในกระบวนการดูดความร้อน
ระบบจะดูดกลืนความร้อนจากสิ่งแวดล้อม ทำให้โมเลกุลของสิ่งแวดล้อมเคลื่อนที่ได้ยากขึ้น
ทำให้ระบบมีความเป็นระเบียบสูงขึ้นและเอนโทรปีของสิ่งแวดล้อมก็จะลดลง |
|
สำหรับกระบวนการที่ความดันคงที่
การเปลี่ยนแปลงความร้อนหรือความร้อนที่ถ่ายเทมีค่าเท่ากับการเปลี่ยนแปลงเอนทัลปีของระบบ
(q = DHsys) ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเอนโทรปีของสิ่งแวดล้อม
(DSsurr) จะแปรผันดังนี้
 |
DSsurr
µ - DHsys |
จากสมการ |
ถ้าการเปลี่ยนแปลงเอนทัลปีของระบบ
(DHsys) มีค่ามาก ก็จะทำให้การเปลี่ยนแปลงเอนโทรปีของสิ่งแวดล้อม
(DSsurr) มีค่าสูงด้วย |
|
ถ้าการเปลี่ยนแปลงเอนทัลปีของระบบ
(DHsys) มีค่าน้อย ก็จะทำให้การเปลี่ยนแปลงเอนโทรปีของสิ่งแวดล้อม
(DSsurr) มีค่าต่ำด้วย |
การเปลี่ยนแปลงเอนโทรปีของสิ่งแวดล้อม
(DSsurr) นอกจากจะขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงเอนทัลปีของระบบ
(DHsys) แล้วยังขึ้นกับอุณหภูมิ
โดย DSsurr จะเป็นส่วนกลับกับอุณหภูมิ
(T) ดังนี้
 |
DSsurr
= - DHsys/T |
จากสมการ |
ถ้าการเปลี่ยนแปลงเอนทัลปีของระบบ
(DHsys) มีค่ามากและอุณหภูมิต่ำ
ก็จะทำให้การเปลี่ยนแปลงเอนโทรปีของสิ่งแวดล้อม (DSsurr)
มีค่าสูง |
|
ถ้าการเปลี่ยนแปลงเอนทัลปีของระบบ
(DHsys) มีค่าน้อยและอุณหภูมิสูง
ก็จะทำให้การเปลี่ยนแปลงเอนโทรปีของสิ่งแวดล้อม (DSsurr)
มีค่าต่ำ |
 |
สำหรับการเปลี่ยนแปลงเอนโทรปีของสิ่งแวดล้อม
นักเรียนคิดว่า การเพิ่มความร้อนให้กับสิ่งแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงและการเพิ่มความร้อนให้กับสิ่งแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำ
จะให้ผลเหมือนหรือแตกต่างกัน อย่างไร ? |
ถ้าสิ่งแวดล้อมมีอุณหภูมิสูง การเคลื่อนที่แบบต่างๆ ของโมเลกุลจะเป็นไปอย่างรุนแรง
ดังนั้น ถ้าระบบเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคายความร้อน ความร้อนที่สิ่งแวดล้อมได้รับจะมีผลเพียงเล็กน้อยต่อการเคลื่อนที่ของโมเลกุล
และเอนโทรปีของสิ่งแวดล้อมจะเพิ่มขึ้นน้อยมาก
ถ้าสิ่งแวดล้อมมีอุณหภูมิต่ำ การเพิ่มความร้อนปริมาณเท่ากันให้แก่สิ่งแวดล้อมจะทำให้โมเลกุลมีการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้นมาก
และการเปลี่ยนแปลงเอนโทรปีของสิ่งแวดล้อมจะมีค่าสูง
เทอร์โมไดนามิกส์อาจบอกให้ทราบว่าปฏิกิริยาหนึ่งๆ จะเกิดขึ้นได้เองหรือไม่ในสภาวะที่กำหนด
แต่บอกไม่ได้ว่าปฏิกิริยานั้นๆ จะเกิดได้เร็วเพียงใด การศึกษาอัตราการเกิดปฏิกิริยาเป็นเรื่องของจลนศาสตร์เคมี
(chemical kinetics) ซึ่งเราได้ศึกษาในบทที่ 7

|