จากกฎอัตรา เราสามารถบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการเกิดปฏิกิริยากับสภาวะต่างๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ทั้งหมดหรือไม่? จากกฎอัตรา rate = k [A]m[B]n บอกได้แต่เพียงว่า การเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอัตราการเกิดปฏิกิริยา แต่ค่าคงที่อัตราอาจเปลี่ยนแปลงไปได้เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนไปหรือมีการใช้ตัวเร่งปฏิกิริยา เราหาคำตอบว่า ค่าคงที่อัตราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเมื่ออุณหภูมิและพลังงานก่อกัมมันต์(ใช้ตัวเร่งปฏิกิริยา)เปลี่ยนไป จากสมการนี้ไม่ได้เช่นกัน แต่มีสมการอยู่สมการหนึ่งที่สามารถบอกความสัมพันธ์ของสามตัวแปรนี้ได้ นั่นคือ สมการอาร์เรเนียส (Arrhenius equation) จากการสังเกต เราจะเห็นได้ว่า ค่าคงที่อัตราของปฏิกิริยาส่วนใหญ่จะเป็นไปตาม สมการของอาร์เรเนียส ถ้าเราเขียนสมการให้อยู่ในรูปลอกาลิทึมธรรมชาติ จะได้ว่า
ถ้าเราเขียนกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ln k กับ 1/T จะได้กราฟเป็นเส้นตรง และมีค่าความชันเท่ากับ -Ea/R และมีจุดตัดแกน ln k ที่จุด ln k = ln A
เราจะเรียกแฟกเตอร์ความถี่และพลังงานก่อกัมมันต์ ว่าเป็นพารามิเตอร์ของอาร์เรเนียส (Arrhenius parameter) จากความสัมพันธ์ระหว่างค่าคงที่อัตรา k1 กับอุณหภูมิ T1 และค่าคงที่อัตรา k2 กับอุณหภูมิ T2 เราก็สามารถคำนวณหาพลังงานก่อกัมมันต์ หรือคำนวณหาค่าคงที่อัตราที่อุณหภูมิอื่นเมื่อทราบค่าพลังงานก่อกัมมันต์ได้ นำ ln k2 ไปลบออกจาก ln k1 จะได้ว่า สำหรับปฏิกิริยาง่ายๆ อาจถือว่าแฟกเตอร์ความถี่เท่ากับความถี่ของการชนระหว่างอนุภาคของสารตั้งต้น แต่สำหรับปฏิกิริยาซับซ้อนมากขึ้นเราจะต้องคำนึงถึงการจัดตัวของโมเลกุลขณะเข้าชนด้วย คราวนี้ลองมาพิสูจน์กันว่า ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและใส่ตัวเร่งปฏิกิริยา (เกี่ยวข้องกับพลังงานก่อกัมมันต์) จะมีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาจริงหรือไม่ ตัวอย่าง
ปฏิกิริยาหนึ่งมีพลังงานก่อกัมมันต์ 50,000 J/mol อัตราการเกิดปฏิกิริยาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
เมื่อ
|