แนวคำตอบข้อ 1

เซลล์เชื้อเพลิงเป็นเซลล์กัลวานิกแบบปฐมภูมิ เพราะปฏิกิริยาเคมีที่เกิดภายในเซลล์ สามารถทำให้เกิดไฟฟ้านั้นเป็นปฏิกิริยาที่ไม่ผันกลับ ไม่สามารถอัดไฟฟ้าเข้าไปเพื่อให้เซลล์เกิดปฏิกิริยาย้อนกลับได้

 

แนวคำตอบข้อ 2

ผลิตภัณฑ์ของเซลล์เชื้อเพลิงที่นักบินอวกาศใช้คือน้ำดื่ม
เซลล์เชื้อเพลิงที่นักวิทยาศาสตร์เลือกใช้ในกระสวยอวกาศคือเซลล์เชื้อเพลิงแบบอัลคาไลน์
ซึ่งปฏิกิริยาเคมีของเซลล์เชื้อเพลิงแบบอัลคาไลน์คือ
               แอโนด: H2(g) + 2OH-(aq) -> 2H2O(l) + 2e-
               แคโทด: 1/2O2(g) + H2O(l) + 2e- -> 2OH-(aq)
               ปฏิกิริยาของเซลล์: H2(g) + 1/2O2(g) -> H2O(l)
ผลิตภัณฑ์ที่ได้คือน้ำดื่ม

 

แนวคำตอบข้อ 3

ข้อดีของเซลล์เชื้อเพลิงที่เหนือกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่น คือ
     1. ประสิทธิภาพสูง เซลล์เชื้อเพลิงมีประสิทธิภาพสูงถึง 70% ประมาณ 2 เท่าของประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ชนิดเผาไหม้ภายใน
     2. เป็นแหล่งพลังงานสะอาด ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ เพราะผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปฏิกิริยาคือน้ำ

 

แนวคำตอบข้อ 4

ลักษณะที่เหมือนกันของเซลล์เชื้อเพลิงทุกประเภทคือ
     1. ปฏิกิริยารวมของเซลล์ H2 + O2 -> H2 O + พลังงาน
     2. องค์ประกอบหลักของเซลล์เชื้อเพลิง คือ ขั้วแอโนด(ขั้วลบ), ขั้วแคโทด(ขั้วบวก) และสารละลายอิเล็กโทรไลต์

 

แนวคำตอบข้อ 5

นักวิจัยแก้ปัญหาเรื่องการกักเก็บแก๊สไฮโดรเจนโดยผลิตอุปกรณ์ชนิดหนึ่ง เรียกว่า รีฟอร์มเมอร์ (reformer) มีหน้าที่เปลี่ยนสารไฮโดรคาร์บอน(เมทานอล, แก๊สโพรเพน) หรือแอลกอฮอล์ให้เป็นไฮโดรเจน

 

แนวคำตอบข้อ 6

          ที่ขั้วแอโนด ให้แก๊สไฮโดรเจนเข้าไป แก๊สไฮโดรเจนถูกเร่งด้วยตัวเร่งปฏิกิริยาให้ไฮโดรเจนไอออนกับอิเล็กตรอน อิเล็กตรอนถูกส่งผ่านออกไปยังขั้วไฟฟ้าเป็นกระแสไฟฟ้า จากนั้นเคลื่อนที่ไปยังขั้วแคโทด ดังสมการ
                                             2H2 4H++ 4e-
          ที่ขั้วแคโทด ให้แก๊สออกซิเจนจากอากาศเข้าไปที่ขั้วแคโทด เมื่อไฮโดรเจนไอออนกับอิเล็กตรอนซึ่งเคลื่อนที่มายังขั้วแคโทดทำปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจนจากอากาศที่ให้เข้าไปเกิดเป็นโมเลกุลของน้ำ  โดยอาศัยตัวเร่งปฏิกิริยาซึ่งทำจากแพลตินัม จะเกิดปฏิกิริยารีดักชันได้น้ำบริสุทธิ์ออกมา ดังสมการ
                                             4H+ + 4e- + O2 2H2O


แนวคำตอบข้อ 7

     ปฏิกิริยาเคมีของเซลล์เชื้อเพลิงแบบอัลคาไลน์
                              แอโนด: H2(g) + 2OH-(aq) -> 2H2O(l) + 2e-
                              แคโทด: 1/2O2(g) + H2O(l) + 2e- -> 2OH-(aq)
      ศักย์รีดักชันมาตรฐานที่ 25 C              

ครึ่งปฏิกิริยา
E(V)
2H2O(l) + 2e- -> H2(g) + 2OH-(aq)
-0.83
O2(g) + 2H2O(l) + 4e- -> 4OH-(aq)
+0.40

หลักการหาค่า  Eเซลล์
     1. ที่แอโนดเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ส่วนที่แคโทดเกิดปฏิกิริยารีดักชัน
     2. เมื่อกลับสมการค่า เปลี่ยนเครื่องหมาย  Eเซลล์
                              แอโนด: H2(g) + 2OH-(aq) -> 2H2O(l) + 2e-

ครึ่งปฏิกิริยา
E(V)
2H2O(l) + 2e- -> H2(g) + 2OH-(aq)
-0.83
H2(g) + 2OH-(aq) -> 2H2O(l) + 2e-
+0.83

     3. เมื่อคูณตัวเลขใด ๆ ในสมการ ค่า Eเซลล์  ไม่เปลี่ยนแปลง
                              แคโทด: 1/2O2(g) + H2O(l) + 2e- -> 2OH-(aq) จึงคูณ 2 เข้าไปเพื่อให้จะได้สมการเช่นเดียวกับในตารางศักย์รีัดักชัน

ครึ่งปฏิกิริยา
E(V)
1/2O2(g) + H2O(l) + 2e- -> 2OH-(aq)  (X 2)
+0.40
O2(g) + 2H2O(l) + 4e- -> 4OH-(aq)
+0.40

                                                            Eเซลล์ = Eออกซิเดชัน + Eรีดักชัน
                                                            Eเซลล์ = 0.83 V + 0.40 V
                                                            Eเซลล์ = 1.23 V
                              ค่า Eเซลล์ เป็นบวก ดังนั้น ปฏิกิริยาของเซลล์เกิดได้เองภายใต้สภาวะมาตรฐาน