เบนจามิน แฟรงคลิน ได้พิสูจน์ไว้ว่าการเกิดฟ้าผ่ามีความสัมพันธ์กับกระแสไฟฟ้า จากที่ได้เคย
ศึกษาเกี่ยวกับ การเกิดประกายไฟ ซึ่งจะเกิดขึ้นอยู่ระหว่างวัตถุที่มีประจุและวัตถุที่ไม่มีประจุหรือ
ระหว่างที่มีประจุไม่เหมือนกัน และพบว่าประกายไฟมีการกระโดดจากคนสู่วัตถุ ที่เป็นกลางทาง
ไฟฟ้าได้ เมื่อเราเดินไปบนพรม ฟ้าผ่าคืออะไร คุณคงเคยเห็นสายฟ้าเคลื่อนที่จากก้อนเมฆมา
สู่พื้นดิน ซึ่งคล้ายกับว่าเกิดประกายไฟฟ้า ที่ยาวมากๆ ฟ้าผ่าเป็นการเคลื่อนที่ของประจุไฟฟ้า 
ในการผลิตประกายไฟที่ยาวเช่นนั้นจะต้องมีความต่างศักย์ที่สูงมาก่ระหว่างวัตถุหนึ่งกับอีกวัตถุ
หนึ่ง ในการเกิดฟ้าผ่านั้นความต่างศักย์เกิดขึ้นอาจถึงหนึ่งล้านโวลต์ โดยประจุไฟฟ้าจำนวนมากจะ
เคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งในเวลาเสี้ยววินาที การเกิดฟ้าผ่ามักจะเกิดเมื่อมีการเคลื่อนที่
อย่างรวดเร็วของอากาศ ในเวลาที่มีพายุ ฝนฟ้าคะนอง ซึ่งการเกิดประจุไฟฟ้าบางทีอาจเกิด จากการ
ขัดสีระหว่างอากาศที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว

 
 

     ฟ้าผ่าสร้างความตื่นตระหนกแก่มนุษย์ในช่วงแรกๆอย่างมากและผู้คนในปัจจุบันก็ยังคงกลัว
ฟ้าผ่าอยู่ดี ซึ่งประกายฟ้าที่เกิดขึ้นสามารถทำลายสิ่งที่มันผ่าได้มากมาย อีกทั้งมันยังสามารถผ่าคน
ได้ด้วย ซึ่งส่วนใหญ ่คนที่ถูกผ่านั้นเสียชีวิต สมมติว่าฟ้าผ่าต้นไม้ ประจุจำนวนมากจะเคลื่อนที่ตลอด
ลำต้น ซึ่งถ้าคุณนึกถึงลวดที่ใช้ทำที่ปิ้งขนมปังร้อนขนาดไหนกระแสไฟฟ้าผ่านต้นไม้เมื่อโดนฟ้าผ่าแล้ว
จะร้อนมาก ซึ่งในความเป็นจริงของเหลวภายใน ต้นไม้ร้อนจนถึงจุดเดือดเลยทีเดียว ผลที่เกิดขึ้น
ทำให้ต้นไม้แยกออกเป็นเสี่ยงบริเวณที่ถูกฟ้าผ่า
     เบนจามิน แฟรงคลินรู้ว่าปรากฏการณ์ฟ้าผ่าคืออะไรแต่เขาไม่สามารถเข้าใจมันและเขาได้
สร้างเครื่องมือ ที่เรียกว่า “สายล่อฟ้า” ซึ่งก่อนที่เขาออกแบบมัน เขาพบว่าวัตถุที่มีปลายแหลมจะ
มีประจุไฟฟ้ามากและ จะสูญเสียประจุเร็วกว่าแบบกลมเรียบ
  ดังนั้น สายล่อฟ้าจึงถูกทำให้เป็นวัตถุที่มีความแหลมมาก ซึ่งจะถูกติดตั้งตรงส่วนบนของบ้าน
โดยจะต่อ สายไฟเข้ากับสายล่อฟ้าและพื้นดิน ซึ่งเมื่อเกิดฟ้าผ่ามันจะผ่าที่ สายล่อฟ้าไม่ใช่บ้าน
ประจุจะเดินทางจาก สายไฟลงดินทำให้บ้านไม่เสียหาย