ไฟฟ้าที่ใช้ตามบ้านทั่วไปเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ มีความต่างศักย์ไฟฟ้า 220 โวลต์
สาย ไฟฟ้าที่เดินเข้าภายในบ้านมี 2 เส้น เส้นหนึ่งเรียกว่า เส้นมีศักย์ หรือสายมีไฟ (line, L)
อยู่สายบน อีกเส้นหนึ่งเรียก สายกลาง หรือสายที่มีศักย์ไฟฟ้าเป็นศูนย์
เมื่อเทียบกับพื้นดิน (neutral, N) ดังรูป
แผงไฟรวม เป็นจุดที่สาย N และ L ต่อเข้าบ้านมารวมกันที่จุดนี้ และทำหน้าที่ควบคุม
การจ่ายพลังงาน
ไฟฟ้าทั้งหมดภายในบ้าน บนแผงอาจประกอบด้วย
1. สะพานไฟ หรือ คัทเอาท์ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ตัดหรือต่อวงจรไฟฟ้า สายไฟ 2 เส้นบนแผงควบคุมไฟฟ้า
จะมีสะพานไฟรวม 1 ตัวและอาจมีสะพานไฟย่อย อีกหลายตัวเพื่อแยกควบคุมการส่งพลังงานในชั้นต่างๆ
หรือตามห้องทำให้สะดวกในการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า สะพานไฟจะมีตัวเลขบอก ค่ากระแสไฟฟ้าสูงสุด
และความต่างศักย์สูงสุดที่สามารถรับได้ ถ้าได้รับกระแสมากเกินกำหนดจะร้อนจนละลายหรือไหม้ได้
้ เพื่อป้องกันอันตรายนี้จึงมีการติดฟิวส์ไว้ด้วย
2. ฟิวส์ ทำหน้าที่ตัดวงจรไฟฟ้าเมื่อมีกระแสไฟฟ้าเกิน ฟิวส์ที่อยู่บนแผงควบคุมไฟฟ้า
จะต่อกับสายม
ีศักย์เพียงเส้นเดียว มีหลายแบบ เช่น แบบเส้น แบบก้ามปู แบบหลอดแก้ว แล้วแต่ชนิดของงานที่นำไป
ใช้ ขนาดที่ใช้ขึ้นกับปริมาณกระแสไฟฟ้า ที่ต้องการให้ผ่านโดยฟิวส์ไม่ขาด ฟิวส์มาตรฐานทำด้วยโลหะ
ผสมที่มีจุดหลอมเหลวต่ำ เช่น ดีบุกกับตะกั่ว
3.สวิทซ์อัตโนมัติเป็นส่วนที่ช่วยตัดกระแสไฟฟ้าในวงจรเมื่อมีขนาดเกินกำหนดข้อดีคือหลังจากหาสา
เหตุและแก้ไขการเกินขนาดของกระแสไฟฟ้าแล้วก็กดปุ่มที่สวิตซ์อัตโนมัต ิให้ทำงานต่อไปได้
หลักที่
ใช้ในการทำงานของสวิตซ์อัตโนมัติ คือ การใช้แผ่นคู่ควบความร้อน หรือโลหะคู่ ซึ่งมีความไวในการตัด
วงจรมากกว่าฟิวส์
ตัวอย่าง การต่ออุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านจะต่อแบบขนาน เพื่อว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดใด
เสียหรือไม่ใช้ก็สามารถใช้เครื่องอื่นได้ต่อไป ให้พลังงานแสงสว่าง ได้แก่หลอดไฟฟ้าธรรมดา
และ
หลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดไฟฟ้า ทำด้วยหลอดแก้ว ภายในหลอดบรรจุก๊าซเฉื่อยเพื่อให้ไส้หลอด
ไม่ขาดง่าย ไส้หลอดทำด้วยโลหะที่มีจุดหลอมเหลวสูง เช่น ทังสเตน เมื่อมีกระแสไฟฟ้าผ่าน
ไส้หลอดร้อนและเปล่งแสงสว่างออกมา หลอดฟลูออเรสเซนต์หรือหลอดเรืองแสง ทำด้วย
หลอดแก้ว ภายในสูบอากาศออกเกือบหมด แล้วบรรจุปรอทไว้แทน ผิวด้านในฉาบสารวาว
แสง เมื่อรังสีอุลตราไวโอเลตตก กระทบจะเกิดการเรืองแสง หลอดฟลูออเรสเซนต์ต้องทำงานร่วม
กับสตาร์ตเตอร์และแบลลัสต์ โดยต่อเป็นวงจรดังรูป
สตาร์ตเตอร์ (S) ทำหน้าที่จุดไส้หลอดจะต่อขนานกับหลอด ส่วนแบลลัสต์ ทำหน้าที่ควบคุมกระแส
ไฟฟ้าที่ไหลผ่านหลอดจะต่ออนุกรมกับหลอด
อันตรายและการป้องกันที่เกิดจากการใช้ไฟฟ้า
คือ
1. การลัดวงจรหรือไฟช๊อต เกิดจากการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดพร้อมกัน ทำให้ค่าความต้านทาน
ลดลงมาก (เพราะต่อแบบขนาน) กระแสไฟฟ้าที่ไหลในวงจรจะเพิ่มขึ้นจนฉนวนหุ้มละลาย
ถ้าวงจร
ไม่ถูกตัดขาดอาจเกิดการลุกไหม้หรือเกิดประกายไฟฟ้า จากตัวนำของสายไฟแตะกันผู้ใช้ต้องตรวจ
ดูแลรักษาอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพดี และไม่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมกันหลายอย่างที่เต้าเสียบ
เดียวกัน
 |
2. ไฟฟ้ารั่ว เกิดจากฉนวนหุ้มสายไฟฉีกขาด ตัวนำไปแตะกับโครงโลหะของเครื่องใช้ ไฟฟ้า
ทำให้โครง
โลหะมีศักย์ไฟฟ้าสูงเมื่อเทียบกับพื้นดิน ถ้าร่างกายไปแตะกับโครง โลหะนี้จะมีกระแสไฟฟ้าผ่านเข้า
สู่ร่างกายไปยังดินได ้ เรียกว่า ไฟฟ้าดูด ส่วนอันตรายที่เกิดจะขึ้นอยู่กับปริมาณและบริเวณที่กระแส
ไฟฟ้า ไหลผ่านร่างกาย การป้องกันทำได้โดยการต่อสายดินกับเครื่องใช้ไฟฟ้า สายดินหรือสาย
E
เป็นสายไฟที่ต่อจากโครงโลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้ากับอีกปลายหนึ่ง ต่อกับแท่งโลหะ นำไปฝังในดินลึก
สายดินช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายถูกไฟฟ้าดูด