![]() |
|
บางคนอาจสงสัยว่า ทำไมต้องเสริมไอโอดีนในเกลือ ในเมื่อเรามีเกลือทะเลรับประทาน ข้อมูลจริงที่ต้องปรับความเข้าใจเดิมกันเสียหน่อยคือ เกลือธรรมชาติทั้งเกลือทะเลและเกลือสินเธาว์ต่างมีไอโอดีน 2-5 พีพีเอม เท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับการบริโภค น้อยนิดซะจนเรียกว่าเกลือทั้งสองชนิดไม่มีไอโอดีนเลยก็ว่าได้ |
|
![]() |
เกลือได้ถูกเลือกให้เป็นมาตรการหลักในการเสริมไอโอดีน ทั้งนี้เพราะ การเสริมไอโอดีนเกลือทำได้ง่าย มีราคาไม่แพง มนุษย์ต้องการรับประทานเกลือทุกวัน ในปริมาณที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพราะมีความเค็มเป็นตัวจำกัดอยู่ และการใช้เกลือไอโอดีน ได้มีการพิสูจน์แล้วว่าสามารถแก้ปัญหาโรคขาดสารไอโอดีนได้ ปกติคนเราบริโภคเกลือประมาณวันละ 1 ช้อนชา หรือ 5 กรัม ถ้าใช้เกลือเสริมไอโอดีนที่ได้มาตรฐาน จะสามารถป้องกันโรคขาดสารไอโอดีนได้ |
|
เพื่อให้ประชากรได้รับสารไอโอดีนอย่างเพียงพอและทั่วถึง กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัยได้สนับสนุนสารโปแตสเซียมไอโอเดท ให้แก่ผู้ประกอบการผลิตเกลือบริโภคในประเทศโดยไม่คิดมูลค่า และได้ออกประกาศกระทรวง ฉบับที่ 153 เมื่อ พ.ศ. 2537 เรื่องเกลือบริโภค เป็นอาหารที่กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน โดยจะต้องมีปริมาณไอโอดีนไม่น้อยกว่า 30 ppm (30 มิลลิกรัมต่อเกลือบริโภค 1 กิโลกรัม) |
การผลิตเกลือเสริมไอโอดีน |
การผลิตเกลือเสริมไอโอดีน คือ การนำเอาเกลือสินเธาว์ หรือเกลือทะเล มาเติมสารละลายโปแตสเซียมไอโอไดด์ หรือสารละลายโปแตสเซียมไอโอเดท สำหรับในประเทศไทยและประเทศที่กำลังพัฒนามีอากาศร้อนชื้น จึงใช้สารละลายโปแตสเซียมไอโอเดทเติมลงไปในเกลือ ซึ่งจะเติมให้มีสัดส่วนของไอโอดีน 50 ส่วนต่อเกลือ 1 ล้านส่วน (50 ppm) |
วิธีการผสมเกลือไอโอดีน มีหลายวิธี เช่น
|
|
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |