
ก่อนที่เราจะได้เรียนกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
เราควรทราบถึงโครงสร้างของคลอโรพลาสต์
การสังเคราะห์ด้วยแสงเกิดขึ้นบริเวณส่วนที่เป็นสีเขียวของพืช เช่น ใบ
สีเขียวของใบไม้เกิดขึ้นจากสารคลอโรฟิลล์ ซึ่งทำหน้าที่รับพลังงานจากแสงอาทิตย์
คลอโรฟิลล์พบอยู่ในคลอโรพลาสต์

รูปที่
1.1 องค์ประกอบของคลอโรพลาสต์
ดังแสดงในรูปที่
1.1 คลอโรพลาสต์ซึ่งประกอบด้วยเยื่อหุ้ม 2 ชั้น เยื่อหุ้มชั้นในพับซ้อนไปมา
เป็นโครงสร้างที่เรียกว่า ไทลาคอยด์ (thylakoid) ซึ่งมีลักษณะคล้ายถุงใส่น้ำ
เยื่อหุ้มไทลาคอยด์คือบริเวณที่มีสารสีที่ใช้ในการสังเคราะห์ด้วยแสงอยู่ โครงสร้างของไทลาคอยด์แสดงไว้ในรูป
1.2 พร้อมปฏิกิริยา


รูปที่
1.2 โครงสร้างของไทลาคอยด์
(thylakoid)
ไทลาคอยด์
เป็นโครงสร้างที่ใช้รับพลังงานจากแสงเพื่อใช้ในการสังเคราะห์ด้วยแสง สร้างขึ้นจากส่วนหนึ่งของเยื่อหุ้มชั้นในของคลอโรพลาสต์
(inner membrane) ไทลาคอยด์เรียงซ้อนกันเป็นตั้ง แต่ละตั้งเรียกว่า กรานัม
(granum) ในไทลาคอยด์มีโพรงอยู่ภายในเรียกว่าลูเมน
(lumen) ซึ่งมีของเหลวอยู่ภายใน
ส่วนผนังหุ้มไทลาคอยด์เรียกว่า เยื่อหุ้มไทลาคอยด์
(thylakoid membrane) และจะมีท่อไทลาคอยด์เชื่อมติดต่อระหว่างกรานัมเรียกว่า
สโตรมาไทลาคอยด์ (stromal thylakoid) หรือ stromal
lamella ส่วนที่อยู่ภายนอกกรานัม เรียกว่า สโตรมา
(stroma) ซึ่งประกอบด้วยของเหลวที่เป็นแหล่งของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาที่ไม่ต้องใช้แสง
(ปฏิกิริยาตรึงคาร์บอนไดออกไซด์)

รูปที่ 1.3
ภาพตัดขวางของไทลาคอยด์
บนเยื่อหุ้มของไทลาคอยด์
นอกจากจะมีสารสีที่ใช้ในการสังเคราะห์ด้วยแสง ยังมีองค์ประกอบสำหรับนำอิเล็กตรอน
คือ ระบบแสง II ( photosystem II ) ทำหน้าที่ช่วยปั๊มโปรตอน เข้ามาในไทลาคอยด์
มีระบบไซโตโครม ( cytochrome system ) มีองค์ประกอบที่ช่วยในการสร้าง NADPH
คือ ระบบแสง I ( photosystem I ) และสร้าง ATP คือ ATP synthase complex
โดยการสร้าง NADPH และ ATP นี้จะเกิดนอกถุงไทลาคอยด์ ซึ่งจะได้ทราบรายละเอียดต่อไป

รูปที่
1.4 ภาพขยายของเยื่อหุ้มไทลาคอยด์
เยื่อหุ้มไทลาคอยด์เป็นส่วนที่กั้นระหว่างสโตรมาที่อยู่ภายนอกไทลาคอยด์ และลูเมนที่อยู่ภายในไทลาคอยด์
โดยมีระบบแสง II (photosystem II หรือ
P680) ระบบไซโตโครม
(cytochrome system) ระบบแสง I (photosystem
I หรือ P700) ทำหน้าที่ส่งผ่านอิเล็กตรอน
โดยมีเอนไซม์ NADP reductase เป็นตัวสร้าง NADPH
และเอนไซม์ ATP synthase เป็นตัวสร้าง ATP หน้าที่ของแต่ละองค์ประกอบมีโดยสรุปดังต่อไปนี้
( สำหรับรายละเอียดของแต่ละขั้นตอนได้แสดงไว้ในบทที่ 2 )
- ระบบแสง
II ทำหน้าที่รับพลังงานแสงจากศูนย์เกิดปฏิกิริยา (reaction center)
และส่งอิเล็กตรอน ซึ่งจะเคลื่อนที่ไปสู่ตัวรับส่ง อิเล็กตรอนตัวอื่นๆ
เช่น ระบบไซโตโครมต่างๆ และระบบแสง I ส่วนอิเล็กตรอนที่สูญเสียไป จากระบบแสง
II (P 680) ก็จะได้รับทดแทนมาจากการแตกตัวของโมเลกุลของน้ำไปเป็นโปรตอน
อิเล็กตรอน และ ก๊าซออกซิเจน ( โปรดดูรายละเอียดในรูปที่ 2.4 และ 2.7
)
- ระบบไซโตโครม
(cytochrome b6/f) ทำหน้าที่ส่งผ่านอิเล็กตรอน
ซึ่งพลังงานจากการเคลื่อนที่ของ อิเล็กตรอนจะช่วยทำให้โปรตอนเคลื่อนที่จากภายนอกไทลาคอยด์หรือ
สโตรมา เข้ามาภายในไทลาคอยด์ หรือลูเมน
- ระบบแสง
I หน้าที่ส่วนหนึ่งคือรีดิวซ์ (reduce) สาร NADP+
( ในที่นี้หมายความว่า NADP+
ได้รับอิเล็กตรอน และ/หรือ ไฮโดรเจน ) ไปเป็น NADPH ระบบแสง
I ถูกกระตุ้นโดยอิเล็กตรอนที่ถูกส่งผ่านมาจากระบบไซโตโครมและส่งต่อไป
เพื่อทำให้ NADP+ เปลี่ยนเป็น
NADPH ( โปรดดูรายละเอียดในรูปที่ 2.4 - 2.6 )
- กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชต้องใช้ระบบแสง
2 ระบบทำงานร่วมกันคือระบบแสง I
และระบบแสง II ซึ่งได้พิสูจน์โดยการทดลองของ
R.Emerson (โปรดคลิกเพื่อดูรายละเอียด)
- ATP
synthase ทำหน้าที่สร้าง ATP จาก
ADP และ Pi
ATP และ NADPH ที่ได้นี้จะนำไปใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงขั้นต่อไป
คือปฏิกิริยาที่ไม่ต้องใช้แสง
ดูรายละเอียดของปฏิกิริยาที่ใช้แสง
และปฏิกิริยาที่ไม่ใช้แสงในบทที่ 2 และ 3
ตามลำดับ
|