การค้นพบเซลล์สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้น ในปี ค.ศ. 1655 โดย นักพฤกษศาสตร์ ชาวอังกฤษ โรเบิร์ต ฮุค (Robert Hooke) ได้ใช้กล้องจุลทรรศน์ที่เขาประดิษฐ์ขึ้น สังเกตโครงสร้างเล็กๆ ของไม้คอร์ก (cork) ที่ถูกเฉือนเป็นแผ่นบางๆ พบว่ามีลักษณะ เป็นห้องเล็กๆ คล้ายรังผึ้ง เขาได้เรียกห้องเล็กๆเหล่านี้ว่าเซลล์ ซึ่งการศึกษาเซลล์ไม้คอร์ก ของโรเบิร์ต ฮุค ในครั้งนั้นเป็นการค้นพบเซลล์ของสิ่งมีชีวิตเป็นครั้งแรก แต่เป็นเซลล์ ที่ตายแล้วคงเหลือแต่ส่วนของผนังเซลล์ (cell wall) เท่านั้น |
|
รูปที่ 3.1 กล้องจุลทรรศน์ของโรเบิร์ต ฮุค
(ซ้าย) และเซลล์ไม้คอร์กที่ตายแล้ว (ขวา) |
|
ต่อมาในปี ค.ศ. 1674 -1683
อังตวน แวน เลเวนฮุค (Anton Van Leeuwenhoek) นักวิทยาศาสตร์ชาวดัทช์ (Dutch) ได้พัฒนากล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยายกว่า 200 เท่า และใช้ในการสังเกตสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กรูปร่างๆ แตกต่างกัน ได้แก่ โปรโทซัว (protozoa) แบคทีเรีย (bacteria) และสเปิร์ม (sperm) การค้นพบในครั้งนี้ถือว่าเป็นการค้นพบเซลล์ จุลินทรีย์เป็นครั้งแรก |
|
รูปที่ 3.2 อันตวน แวน เลเวนฮุค (ซ้าย) และกล้องจุลทรรศน์ของเลเวนฮุค
(ขวา) |
|
หลังจากนั้นในปี
ค.ศ. 1830-1839 นักพฤกษศาสตร์ มัตทิอัส ชไลเดน (Matthias Schleiden) และนักสัตววิทยา เทโอดอร์ ชวันน์ (Theodor Schwann) ได้ศึกษาเซลล์พืช และเซลล์สัตว์ชนิดต่างๆ รวมทั้งศึกษาบทบาทของนิวเคลียส (nucleus)ภายในเซลล์ต่อ การแบ่งเซลล์ ชไลเดน และ ชวันน์ ได้รวบรวมความรู้ที่ได้และจัดตั้งเป็น ทฤษฎีเซลล์ (The Cell Theory) โดยมีใจความที่สำคัญดังนี้ |
|
1.
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดประกอบด้วยเซลล์ 2. เซลล์เป็นหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต 3. เซลล์เกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ที่มีอยู่ก่อน |
|
หลังการจัดตั้งทฤษฎีเซลล์
ทำให้นักวิทยาศาสตร์ในรุ่นต่อมาได้ให้ความสนใจ เกี่ยวกับองค์ประกอบภายในเซลล์และหน้าที่ขององค์ประกอบเหล่านี้มากขึ้นซึ่งทำให้ เกิดความรู้ใหม่ที่ลึกซึ้งและเป็นประโยชน์อย่างมากมายในปัจจุบัน |
|
|
|