กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงประกอบด้วยสองขั้นตอนใหญ่ |
|
การสังเคราะห์ด้วยแสงประกอบด้วยขั้นตอนใหญ่ๆ
2 ขั้นตอนต่อเนื่องกัน คือขั้นตอน ปฏิกิริยาที่ต้องใช้แสงที่เปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานเคมี (the photo part of- photosynthesis) และขั้นตอนปฏิกิริยาที่ไม่ต้องใช้แสงซึ่งเป็นขั้นตอนของการสังเคราะห์ น้ำตาล (the synthesis part) ที่มีชื่อเรียกเฉพาะว่า วัฏจักรเคลวิน (Calvin cycle) |
|
รูปที่ 8.3 กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชประกอบด้วย ปฏิกิริยาที่ต้องใช้แสงและวัฏจักรเคลวิน |
|
ปฏิกิริยาที่ต้องใช้แสงเกิดขึ้นบนเยื่อหุ้มไทลาคอยด์
เป็นขั้นตอนที่คลอโรฟิลล์ดูดแสง เอาไว้ พลังงานแสงไปกระตุ้นให้เกิดการถ่ายทอดอิเล็กตรอนและไฮโดรเจนจากน้ำ ไปยังตัวรับอิเล็กตรอนที่ชื่อ นิโคตินาไมด์ อะดีนีน ไดนิวคลีโอไทด์ ฟอสเฟต (nicotinamide adenine dinucleotide phosphate) หรือเรียกย่อๆ ว่า NADP+ ทำให้ NADP+ ถูกรีดิวซ์กลายเป็น NADPH และมีโมเลกุลของออกซิเจนเกิดขึ้นจากการแตกตัวของน้ำ นอกจากนี้ในปฏิกิริยาที่ต้องใช้แสงยังมีการสังเคราะห์ ATP โดยกระบวนการ โฟโตฟอสโฟรีเลชัน (photophosphorylation) เกิดขึ้นอีกด้วย |
|
สำหรับปฏิกิริยาที่ไม่ต้องใช้แสง
หรือ วัฏจักรเคลวิน ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1950 โดย เมลวิน เคลวิน (Melvin Calvin) และคณะ วัฏจักรนี้เริ่มต้นด้วยการที่ คาร์บอนไดออกไซด์จากบรรยากาศเข้ารวมตัวกับสารอินทรีย์ในสโตรมา ซึ่งเรียกว่า การตรึงคาร์บอน (carbon fixation) เพื่อให้ได้สารตั้งต้นสำหรับนำไปใช้ใน กระบวนการสังเคราะห์น้ำตาล ขั้นตอนการเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์เป็นคาร์โบไฮเดรตนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องใช้แสงโดยตรงแต่ก็ต้องอาศัย NADPH และ ATP ที่ได้จากปฏิกิริยาที่ ต้องใช้แสง |
|
รูปที่ 8.4 เมลวิน เคลวิน |
|