ในปี ค.ศ. 1993 ฟรานซิส คอลลินส์ (Franscis Collins) เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการ
NCHCR แทนวัตสัน และในปี ค.ศ. 1996 ประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น
และจีน
ได้ลงนามเข้าร่วมโครงการจีโนมมนุษย์ในข้อตกลงเบอร์มิวดา (Burmuda principles)
โดยต้องแสดงลำดับเบสของจีโนมมนุษย์ในส่วนที่ประเทศสมาชิกรับผิดชอบเข้าสู่ฐานข้อมูล
สาธารณะ(public database) ภายใน 24 ชั่วโมง โดยไม่มีการปิดบังข้อมูล
ในปี ค.ศ. 1998 เวนเตอร์ ได้ลาออกจาก TIGR มาตั้งบริษัท ซีเลรา
จีโนมิกส์์ (Celera
Genomics) และประกาศว่า จะหาลำดับเบสของจีโนมมนุษย์ให้เสร็จสิ้นในเวลา 3
ปี ด้วย
เงินทุน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยใช้เทคนิคแบบสุ่มทั่วจีโนมที่เขาคิดค้นขึ้น
เทคนิคนี้ทำ
ได้โดยตัดดีเอ็นเอในจีโนมแบบสุ่มทั่วให้เป็นสายสั้นขนาดต่าง ๆ กัน หาลำดับเบสและนำชิ้น
ดีเอ็นเอแต่ละเส้นมาประกอบกันโดยอาศัยความรู้ทางชีวสารสนเทศศาสตร์และคอมพิวเตอร์
ที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างไรก็ตาม เวนเตอร์ได้ละเมิดข้อตกลงเบอร์มิวดาและขายรหัส
พันธุกรรมให้้กับบริษัทยาและบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพทั่วโลก
การหาลำดับเบสในจีโนมมนุษย์เสร็จสมบูรณ์ เมื่อนักวิจัยชาวอังกฤษ
ญี่ปุ่น และสหรัฐ
อเมริกาหาลำดับเบสบนโครโมโซมคู่ที่ 22 เสร็จสิ้นในปีเดือนธันวาคมค.ศ.1999
และ
นักวิจัยชาวเยอรมันและญี่ปุ่นหาลำดับเบสบนโครโมโซมคู่ที่ 21 เสร็จสมบูรณ์ในเดือน
พฤษภาคม ค.ศ. 2000
หลังจากหาลำดับเบสเสร็จสิ้นแล้ว ในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ.
2000 ได้มีแถลงการณ์ร่วม
ระหว่างองค์กรของรัฐโดยฟรานซิส คอลลินส์ และบริษัทเอกชนโดยไคร์ก วินเตอร์
โดยมี
บิล คลินตัน (Bill Clinton)เป็นประธานแจ้งให้ทั่วโลกทราบความสำเร็จของโครงการจีโนม
มนุษย์ และผลงานโครงการจีโนมมนุษย์ได้ตีพิมพ์ลงในวารสาร Nature ฉบับวันที่
14
กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2001 และในวารสาร Science ฉบับวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ.
2001
หมายเหตุ ข้อมูลส่วนใหญ่ได้มาจาก A History of Human Genome Project
ในวารสาร Science เล่มที่ 291 ฉบับที่ 5507 หน้า 1195 (ฉบับวันที่ 16 กุมภาพันธ์
2001)
|