1. สเปกโทรโฟโตมิเตอร์แบบลำแสงเดี่ยว (single beam spectrophotometer) หลักการของสเปกโทรโฟโตมิเตอร์แบบลําแสงเดี่ยวนั้น เมื่อแสงออกจาก แหล่งกําเนิดแสงแล้ว จะผ่านโมโนโครเมเตอร์ที่เป็นเกรตติ้ง และสารตัวอย่างตาม ลำดับ แล้วจึงเข้าสู่ตัวตรวจจับสัญญาณ ตลอดเส้นทางของลําแสงนี้มีลําแสงเดียว จึงเรียก สเปกโตรโฟโตมิเตอร์ประเภทนี้ว่าแบบลําแสงเดี่ยว เนื่องจากสเปกโทร โฟโต มิเตอร์ประเภทนี้ใชัลําแสงเพียงลําเดียวผ่านจากโมโนโครเมเตอร์ไปสู่ สารละลายที่ต้องการวัดและเข้าสู่ตัวตรวจจับสัญญาณเลย ดังนั้นการวัดจึงต้องวัด 2 ครั้งดังนี้ ครั้งแรกเซลล์บรรจุแบลงค์ (blank) ซึ่งเป็นตัวทําละลายของตัวอย่างที่เราต้อง การวัด เมื่อลําแสงผ่านเซลล์ ปรับเครื่องให้อยู่ในตําแหน่ง ศูนย์ (set zero) ส่วนครั้งหลังบรรจุสารละลายที่ต้องการวัด (sample) แล้วจึงให้ลําแสงผ่านเซลล์ ความแตกต่างระหว่างการดูดกลืนแสงของทั้ง 2 ครั้งจะปรากฏบนหน้าปัดมิเตอร์ จากนั้นก็สามารถวัดตัวอย่างที่ความเข้มข้นอื่นๆ ต่อไปได้เลย โดยไม่ต้องกลับไป วัดแบลงค์อีก การเปลี่ยนความยาวคลื่น จะต้องวัดแบลงค์ใหม่ทุกครั้ง
2. สเปกโทรโฟโตมิเตอร์แบบลำแสงคู่ (double beam spectrophotometer) สำหรับสเปกโทรโฟโตมิเตอร์แบบลำแสงคู่ เมื่อลำแสงจากแหล่งกําเนิด แสงออกจากช่องแสงออก (exit slit) แล้ว ลําแสงจะไปสู่อุปกรณ์ตัดลําแสง (beam chopper) ซึ่งจะทำหน้าที่สะท้อนลําแสงไปผ่านสารตัวอย่าง (sample) ในขณะต่อมาจะสะท้อนลําแสงไปผ่านสารอ้างอิง (reference) ซึ่งก็คือแบลงค์นั่นเอง โดยที่ลําแสงทั้งสองจะมีความเข้มแสงเท่ากันก่อนที่จะผ่านสารตัวอย่างหรือสารอ้างอิง เมื่อลําแสงทั้งสองนี้ไปตกกระทบบนตัวตรวจจับสัญญาณ ความแตกต่างของความเข้มแสงหลังจากผ่านสารตัวอย่างหรือสารอ้างอิงจะกลายเป็นค่าการดูดกลืนแสงของตัวอย่าง