ประเภทของซีดีรอม เมื่อดูจากสภาพภายนอกจะเห็นว่าซีดีรอมแต่ละแผ่นมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ
แต่แท้ที่จริงนั้นซีดีรอมแบ่งออกได้หลายประเภท การแยกประเภทของซีดีรอมนั้น
แยกตามข้อกำหนดของหนังสือที่ระบุเกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตสื่อเก็บข้อมูลซีดีรอม
เช่น Yellow CD หมายถึง ซีดีรอมที่ถูกผลิตตามข้อหนังสือหน้าปกสีเหลือง
เป็นต้น ปัจจุบันแบ่งประเภทของซีดีรอมออกได้หลายประเภท ตามสีของหน้าปกหนังสือที่กำหนดลักษณะของซีดีรอม
ดังต่อไปนี้ Yellow CD หรือ DATA Storage CD เป็นที่รู้จักกันในชื่อของซีดีรอมประเภทที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูล (data CD)
มักพิมพ์คำว่า data storage บนแผ่น แผ่นซีดีรอมประเภทนี้ถูกนำมาเก็บข้อมูลที่คอมพิวเตอร์อ่านได้
ข้อมูลจะถูกบันทึกเป็นแนวเกลียว (spiral) จากวงรอบหรือแทร็ค (track) ส่วนในของแผ่นไปยังวงรอบส่วนนอก
ข้อมูลจะถูกเขียนครั้งละหนึ่งบิตตามลำดับ. โครงสร้างของการบันทึกข้อมูลทางตรรกะ
(logical format) ข้อมูลจะถูกบันทึกในลักษณะของแผนภูมิต้นไม้ (tree) และไดเรคทอรี่
(directory) และไฟล์ ซึ่งคอมพิวเตอร์เข้าใจ การใช้งาน DATA-CD ก็ใช้เก็บข้อมูล ใช้สำหรับสำรองข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์ หรือจากสื่อบันทึกข้อมูลชนิดอื่นๆ ใช้สำหรับทดสอบบันทึกข้อมูลก่อนที่จะส่งแผ่นซีดีไปเป็นมาสเตอร์ สำหรับการบันทึกข้อมูลเพื่อใช้งานภายในสำนักงาน
Red CD / AudiO CD รู้จักกันแพร่หลายในชื่อของ Audio CD หรือคอมแพ็คดิสก์ คือแผ่นซีดีรอมที่มีไว้สำหรับฟังเพลง
ซึ่งประกอบด้วย แทร็คของ Digital Audio ที่ถูกบันทึกลงไปใน Compact Disc
- Digital Audio (CD-DA) รูปแบบการเก็บข้อมูลเพลงเป็นรูปแบบสากล คือนำไปใช้ได้ทั่วโลกและใช้ได้กับหลายๆ
สื่อ CD-DA แผ่นหนึ่งมีแทร็ค ได้ 99 แทร็ค
CD-ROM XA หรือ Multi-session CD Multi-session CD คือซีดีรอมที่ถูกผลิตตามมาตรฐาน ISO 9660 ข้อมูลในซีดีรอมจะมีมากกว่า
1 session หนึ่ง session คือการบันทึกข้อมูลต่อเนื่องกันหนึ่งส่วน เมื่อปิด
session ดังกล่าว และเปิด session ใหม่ ข้อมูลก็จะถูกบันทึกโดยไม่ต่อเนื่องกับ
session เดิม ทำให้ใช้ประโยชน์จากซีดีรอมแบบ Multi-session ในการ Update
ข้อมูลหรือบันทึกข้อมูลเพิ่มเติม ปกติซีดีรอม 1 แผ่น มีได้ 48 session อย่างไรก็ตาม Multi
- session CD ใช้งานได้ก็ต่อเมื่อใช้กับไดรฟ์ที่สามารถอ่านข้อมูลแบบ Multi
- session ได้
ประโยชน์จากการใช้ซีดีรอมแบบ Multi - session คือ
การสำรองข้อมูลที่มีขนาดใหญ่
สำหรับใช้ในการทำข้อมูลที่ต้องการแจกจ่ายเมื่อมีการอัปเดทข้อมูล
Mixed Mode CD ซีดีรอมที่ออกแบบผสมกันระหว่าง Data และ Audio
ปกติ CD-DA จะถูกบันทึกข้อมูลที่เป็นส่วนของ audio และใช้งานกับเครื่องเสียงภายในบ้านหรือเครื่องเสียงติดรถยนต์รวมทั้งคอมพิวเตอร์ได้
แผ่นซีดีแบบ Mixed Mode นั้นถูกผลิตให้มีทั้ง DATA และ
Audio ในแผ่นเดียวกัน เมื่อต้องการรวมเอาข้อความ ภาพกราฟิกและเสียงเข้าไปในซีดีรอม
ข้อมูลดังกล่าวจะถูกบันทึกในส่วนของ Data Track และข้อมูล Audio จะถูกบันทึกไว้ในส่วนของ
CD-DA ซึ่งในกรณีนี้ทำโดย 2 วิธี
Mixed Mode และ
CD Extra Classic Mixed Mode หรือ Mixed Mode ยุคเบื้องต้นนั้นคือแผ่นซีดีรอมที่มีข้อมูลในแทร็คแรก ตามด้วย Audio ในแทร็คต่อไปอีกหนึ่งแทร็คหรือหลายๆ แทร็คโดยบรรจุใน session เดียว Mixed-Mode CD ใช้งานได้ดีกับคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตามยังมีปัญหาบางประการเกี่ยวกับ Classic Mixed
Mode เนื่องจากหากบังเอิญว่าข้อมูลในแทร็คแรกนั้นนำมาใช้กับคอมพิวเตอร์ได้ แต่กรณีนี้บรรดาเครื่องเล่นซีดีของชุดเครื่องเสียงจะไม่สามารถใช้งานได้
ตรงกันข้ามอาจเกิดความเสียหายได้ เพราะในแทร็คของข้อมูลซึ่งเป็นแทร็คแรกนั้นคำนวณไม่ได้ว่าปริมาณสัญญาณที่ถูกส่งออกมานั้น อาจจะมากขนาดที่ทำให้ลำโพงเสียหายได้
ถึงแม้ว่าเครื่องเล่นซีดีบางตัวจะสามารถตรวจจับ CD-track และอ่านข้ามไป
แต่โดยปกติเครื่องเล่นซีดีจะไม่มีฟังก์ชั่นนี้ บรรดาผู้ผลิตเครื่องเล่นซีดีที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับการใช้งานซีดีรอมประเภทนี้ต่างก็กลัวปัญหา
และเริ่มมองหาวิธีการใหม่ๆ นั้นก็คือ CD Extra CD Extra CD Extra หรือที่รู้จักกันในชื่อของ CD Plus หรือ Enhance CD เป็นวิธีการแก้ปัญหาเมื่อผู้ผลิตซีดีรอมต่างก็มองเห็นว่าผู้ผลิตไดรฟ์ซีดีรอมปัจจุบันผลิตแต่ไดรฟ์ที่สามารถอ่านข้อมูลแบบ
Multi-session หมดแล้ว CD Extra จะประกอบด้วย 2 session session แรกเป็น CD-DA
ที่สามารถมีได้ถึง 98 แทร็ค ประกอบด้วยแทร็คเสียง (audio track) และ session ที่สองเป็น
แทร็คข้อมูล (data track) ซึ่งถูกเขียนในรูปแบบของ CD-ROM XA เมื่อเอาแผ่นซีดีที่เป็น CD Extra มาใช้กับเครื่องเล่นซีดี
session แรกที่เป็นส่วนของ Audio จะถูกนำมาเล่นแต่เครื่องเล่นซีดีจะไม่อ่านข้อมูลที่อยู่นอกเหนือจาก
session แรก ดังนั้นส่วนของ Data Track จึงไม่ถูกเล่นในเครื่องเล่นซีดี เมื่อนำเอาซีดีรอมดังกล่าวมาใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งโดยปกติเครื่องคอมพิวเตอร์จะอ่าน
session สุดท้ายก่อน ดังนั้นข้อมูล จึงถูกอ่านในครั้งแรก คุณลักษณะของ CD Extra ถูกระบุไว้ใน Blue book Standard อย่างไรก็ตามในข้อระบุของ
Blue Book Standard ไม่ได้กำหนดว่าซีดีรอมที่จะถูกผลิตภายใต้มาตรฐานจำเป็นต้องเป็นซีดีรอมแบบ
Multi - Session ความเร็วการถ่ายโอนข้อมูล ในปัจจุบันนี้ ความเร็วในการถ่ายข้อมูลมีถึง 52x แล้ว เมื่อวัดประสิทธิภาพการทำงาน ถามว่า 20x มีประสิทธิภาพการทำงานเป็น 2 เท่า
ของ 10x หรือไม่ คำตอบก็คือไม่ ความเร็วการถ่ายข้อมูลที่ 20x จะมีอัตราการโอนถ่ายข้อมูลถึง
2.4 Mbps แต่ถ้าพิจารณาที่ระยะเวลาในการเข้าถึงข้อมูล (access time) ขนาดของบัฟเฟอร์
ซึ่งมีขนาดไม่แตกต่างกัน และอินเทอร์เฟซของไดรฟ์ เมื่อพิจารณารวมแล้ว ประสิทธิภาพรวมเพิ่มขึ้นแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ของ
10x เท่านั้นเอง และความเร็วในการถ่ายเทข้อมูลจะเห็นประโยชน์ได้อย่างชัดเจนเมื่อมีการถ่ายเทข้อมูลขนาดใหญ่เท่านั้น
เช่น ฐานข้อมูล หรือเกมส์ ส่วนไฟล์ขนาดเล็กๆ นั้นยังไม่ได้ประโยชน์จากการเพิ่มความเร็วในการโอนย้ายข้อมูลของไดรฟ์ซีดีรอมความเร็วสูงแต่อย่างไร ส่วนของอินเทอร์เฟซ (Interface) นั้น โดยปกติแล้วไดรฟ์ซีดีรอมแบบ
SCSI จะมีประสิทธิภาพดีกว่า ATAPI (IDE) เพราะ SCSI ใช้ Bus Mastering
บนการ์ด SCSI (SCSI Controller Card) ไม่ต้องพึ่งพา Controller บนเมนบอร์ด
ส่วน ATAPI ยังต้องพึ่งพา Controller บนเมนบอร์ดทำให้เพิ่มภาระ (โหลด)
ให้ซีพียู มีผลให้ประสิทธิภาพในการประมวลผลลดลง