กลูโคสเซนเซอร์ (Glucose Sensor) ตัวอย่างของไบโอเซนเซอร์เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1962 ลีแลนด์ คลาค (Leland C. Clark) นักวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐ ได้ตีพิมพ์ผลงานในการประยุกต์ใช้ไบโอเซนเซอร์(ตอนนั้นเรียกเอนไซม์เซนเซอร์) เพื่อตรวจวัด ปริมาณกลูโคสในเลือดมนุษย์ได้เป็นผลสำเร็จครั้งแรก นั่นเป็นเหตุการณ์ที่นักวิทยาศาสตร์รู้จักคำว่าไบโอเซนเซอร์เป็นครั้งแรก ในการศึกษาของเขานั้น เขาสนใจในการตรวจวัดปริมาณแก๊สออกซิเจนก่อนเป็นอันดับแรก เขาได้อธิบายว่า สามารถติดตามการทำงานของเอนไซม์โดยการตรวจวัดระดับออกซิเจนที่เอนไซม์นั้นใช้ไปโดยใช้อิเล็กโทรดแพลทินัม (platinum electrode) เอนไซม์แต่ละชนิดจะมีความจำเพาะเจาะจงกับสารเคมีตั้งต้นหรือสับสเตรท (substrate) อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ในการเปลี่ยนสารตั้งต้นไปเป็นสารผลิตภัณฑ์ในสิ่งมีชีวิต จำเป็นต้องอาศัยเอนไซม์เพื่อมาลดพลังงานกระตุ้นลง การทำงานของเอนไซม์เป็นอย่างไร ในตอนแรกเอนไซม์เมื่ออยู่ในสภาวะที่เหมาะสำหรับทำงานแล้วก็จะจับกับสับสเตรท หลังจากที่เอนไซม์จับกับสับสเตรทแล้วเกิดการเปลี่ยน สับสเตรทไปเป็นผลิตภัณฑ์ และได้เอนไซม์ซึ่งอยู่ในอีกสภาวะหนึ่งซึ่งไม่เหมาะที่จะจับกับสับสเตรท ก็จะต้องมีการถ่ายโอนพลังงานบางชนิดให้เอนไซม์เพื่อให้เอนไซม์กลับมาสู่สภาวะที่เหมาะสมสำหรับการทำงานใหม่ วิธีการอย่างหนึ่งคือการถ่ายโอนอิเล็กตรอน เราสามารถนำเอนไซม์มาทำปฏิกิริยากับสับสเตรทตัวใหม่ได้โดยการถ่ายโอนอิเล็กตรอนที่เกิดขึ้นในระบบนั้น เมื่อเอนไซม์อยู่ในภาวะเหมาะสมที่จะกระตุ้นสับสเตรทอันใหม่มันก็สามารถทำงานได้ต่อไป ในการทำงานของเอนไซม์กับสับสเตรทต้องใช้แก๊สบางชนิดหรือ อาศัยน้ำ ซึ่งการใช้แก๊สเหล่านี้จะขึ้นกับปริมาณสับสเตรทที่เอนไซม์ทำปฏิกิริยาด้วย จากหลักการนี้ ถ้าเรามีเซนเซอร์ที่สามารถวัดปริมาณแก๊สที่เอนไซม์ใช้ไปเราก็สามารถที่จะรู้ปริมาณสารเคมีที่เราต้องการวัดได้ ในการวัดปริมาณกลูโคสในเลือดของ ตามวิธีของคลาค เขาได้ใช้เอนไซม์ชนิดหนึ่งเรียกว่าเอนไซม์กลูโคสออกซิเดส (glucose oxidase) หรือใช้ตัวย่อ GOD เนื่องจากเอนไซม์กลูโคสออกซิเดสจะมีความจำเพาะเฉพาะกับกลูโคสเท่านั้น เพราะฉะนั้นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นก็เป็นผลมาจากเอนไซม์กลูโคสออกซิเดสทำกับกลูโคส อิเล็กโทรดที่เขาใช้มีลักษณะเป็นดังรูป 3 รูปที่ 3 แสดงขั้วไฟฟ้าของกลูโคสเซนเซอร์ - ขั้วบวกทำจากโลหะแพลทินัม ขั้วลบทำจากโลหะเงิน ตรงส่วนรับสัญญาณก็จะบรรจุเอนไซม์กลูโคสออกซิเดสที่ตรึงบนพอลิเมอร์ โดยหุ้มไว้ด้วยเยื่อ 2 ข้างด้านที่ติดกับขั้วไฟฟ้าเป็นเยื่อเทฟลอน แต่ด้านที่ติดกับสารที่ต้องการวิเคราะห์ (analyte) จะเป็นเยื่อเซลโลเฟน ดังรูปที่ 3 รูปที่ 4 แสดงกระบวนการที่ขั้วไฟฟ้ากลูโคสเซนเซอร์
หลักการในการตรวจวัดกลูโคสของคลาคมีลักษณะดังภาพ เริ่มต้นจากเมื่อ
กลูโคส แทรกผ่านเยื่อเซลโลเฟนเข้ามา ทำปฏิกิริยากับเอนไซม์กลูโคสออกซิเดสทีในรูปที่มีอิเล็กตรอนอยู่มาก
กลูโคสจะกลายเป็น กรดกลูโคนิก ส่วนเอนไซม์กลูโคสออกซิเดสเมื่อถูกออกซิไดซ์ด้วยกลูโคส
จะให้ 2 อิเล็กตรอนและ 2 ไฮโดรเจนไอออนหรือ 2 โปรตอน แล้วกลายเป็นอยู่อีกรูปหนี่ง
ต่อมาออกซิเจนที่ละลายอยู่ในสารละลายจะแทรกผ่านเยื่อเทฟลอนรับเอา 2 อิเล็กตรอนและ
2 โปรตอน กลายไปเป็น แก๊สไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ที่ขั้วบวก เกิดเป็นสัญญาณไฟฟ้าต่อไป
ส่วนกลูโคสตัวใหม่ก็สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงได้อีกเช่นเดียวกันเรื่อยไป
โดยมีตัวเร่งปฏิกิริยาคือเอนไซม์กลูโคสออกซิเดส
และที่ขั้วบวก จะเกิดปฏิกิริยาไฟฟ้าเคมีดังนี้ จากสมการ จะพบว่า ออกซิเจนมีเลขออกซิเดชันเปลี่ยนจาก 0 เป็น -1 นั่นแสดงว่าที่อิเล็กโทรดมีการเปลี่ยนแปลงทางไฟฟ้าเคมีเกิดขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงนี้เราก็สามารถวัดปริมาณกระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้นหรือปริมาณศักย์ไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเป็นการวัดกระแส ทรานดิวเซอร์ของเซนเซอร์ชนิดนี้ก็จะเป็น amperometric transducer แต่ถ้าเป็นการวัดความต่างศักย์ก็จะเป็น potentiometric transducer ยูเรียไบโอเซนเซอร์ (Urea Biosensor) การวัดปริมาณยูเรียด้วยเซนเซอร์ที่ทำจากเอนไซม์ ก็สามารถทำได้เช่นกันโดย ยูเรีย ทำปฏิกิริยากับน้ำ และเร่งปฏิกิรยาด้วยเอนไซม์ยูริเอส (urease) จะได้ผลิตภัณฑ์คือแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และแก๊สแอมโมเนีย เราสามารถวัดปริมาณของยูเรียได้จากปริมาณของแก๊สแอมโมเนียที่เกิดขึ้นดังสมการ Bananatrode ไบโอเซนเซอร์ที่นักเรียนสามารถทำได้ก็คือ
เซนเซอร์กล้วย หรือเรียกว่า Bananatrode สำหรับใช้วัดสาร โดปามีน (dopamine)
ซึ่งเป็นสารเคมีตัวหนึ่งที่สำคัญในสมองของมนุษย์ ด้วยเอนไซม์พิเศษที่มีอยู่ในกล้วยนั่นคือ
พอลิฟีนอลออกซิเดส (polyphenol oxidase;PPO) เอนไซม์ตัวนี้มีในผลไม้ชนิดอื่นด้วย
เช่นแอปเปิ้ล มะเขือเทศ เป็นต้น เมื่ออยู่ในสภาพที่มีแก๊สออกซิเจน polyphenol
oxidase สามารถที่จะออกซิไดซ์ โดปามีน ไปเป็น ควิโนน และหลังจากนั้นเราสามารถเปลี่ยน นอกจากเซนเซอร์ที่ทำจากเอนไซม์ชนิดต่างๆ
แล้ว สารเคมีชนิดอื่นก็สามารถใช้แทนเอนไซม์ได้
ถ้าสารเคมีชนิดนั้นมีความจำเพาะกับสารที่เราต้องการวัด โดยที่ไม่มีปัจจัยอื่นมากระทบ
หมายความว่า สารเคมีชนิดนั้นตอบสนองเฉพาะต่อสารที่เราสนใจเท่านั้นไม่ไปทำปฏิกิริยากับสารชนิดอื่นที่เราไม่สนใจ
ซึ่งจะทำให้การวัดไม่ถูกต้อง -
เลกเตส (lactate) ตัวอย่างของการประยุกต์ใช้ไบโอเซนเซอร์ เช่น -
ใช้ในการควบคุมกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม |