|
สารใดที่จะมีผลทำลายสมอง/ระบบประสาท
ซึ่งควรหลีกเลี่ยง |
|
|
มนุษย์รู้จักการใช้ยาต่างๆ
เช่นยาเม็ด ยาฉีด ในการรักษาโรค คุมกำเนิด บำรุงร่างกาย
และระงับประสาทที่ตึงเครียด รวมถึงการใช้ยาสลบเพื่อระงับความเจ็บปวดในการผ่าตัด
นอกจากนี้การดื่ม ของมึนเมา สารเสพย์ติดต่างๆซึ่งมีหลายชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อระบบ ประสาท อันตรายที่เกิดอาจไม่แสดงผลทันที แต่จะแสดงผล
ในระยะยาวต่อความสามารถในการปฏิบัติงาน ทำให้อายุสั้น และนำไปสู่โรคอื่นๆอีกมากมาย
สารเคมีและยาที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบประสาทได้แก่
แอลกอฮอล์ ฝิ่นและอนุพันธ์
จากฝิ่น สารที่ทำให้ประสาทหลอน คาเฟอีน ยาทีโอไฟลิน (theophylline) และนิโคติน
สารพิษ
บางชนิดที่กดประสาทหรือกระตุ้นประสาท ดังตัวอย่าง
|
|
ภาพที่ 2.14 ตัวอย่างสารที่มีผลทำลายระบบประสาท
|
1. แอลกอฮอล์ เป็นอินทรีย์สารที่มีหมู่ -OH และสามารถเกิดปฏิกิริยากับกรดอินทรีย์
ได้
สารเอสเทอร์แอลกอฮอล์ที่รู้จักในหมู่ชาวบ้านคือ เหล้า เป็นเอทิลแอลกอฮอล์ ที่พบว่าเป็น
องค์ประกอบของเหล้าไวน์เบียร์ ฯลฯ ซึ่งเป็นที่นิยมดื่มกันทั่วโลก โดยอันตรายที่เกิดจาก
การดื่มเหล้า จะมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) มากกว่าอวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย
คล้ายๆกับการได้รับยาสลบ โดยระยะแรกจะไปลดการทำงานของสมองส่วนที่ซับซ้อนที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่มีซิแนปส์มากที่สุด รวมทั้งบริเวณอื่นๆของสมองส่วนซีรีบรัม
ทำให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับความคิด ในผู้ที่ติดสุราเรื้อรัง คุณภาพในการทำงานละเอียด
ความจำ ความตั้งใจหรือสมาธิในการทำงานจะลดต่ำลง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นผลมาจาก
เซลล์ประสาทรับและส่งความรู้สึกถูกรบกวน การตอบสนองของระบบประสาทในไขสันหลัง
จะเสียไป มีสภาพอ่อนเปลี้ย เสมือนกับสภาพที่ถูกวางยาสลบ โดยทั่วไปผลของเอทิล
แอลกอฮอล์ต่อระบบประสาทส่วนกลางจะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับปริมาณที่พบในเลือด โดย
แอลกอฮอล์แต่ละออนซ์ที่ดื่ม สามารถทำลายเซลล์ประสาทได้ถึง 10,000 เซลล์ จึงเป็นสาเหตุ
ของการทำให้สมองเสื่อมในผู้ที่ติดสุราเรื้อรัง
|
2. ฝิ่นและอนุพันธ์ของฝิ่น ในศตวรรษที่ 17 ชาวโลกยอมรับว่า ฝิ่นเป็นสารช่วยระงับความ
เจ็บปวดของมนุษย์ได้ แต่ในปัจจุบันพบว่า ฝิ่นไม่ได้เป็นยาช่วยรักษาให้หายจากความเจ็บปวด
ทรมานในทุกกรณี และการให้ในปริมาณสูง จะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อระบบการควบคุม
การหายใจ ฝิ่นเป็นสารที่ได้จากยางของผลฝิ่น ซึ่งแห้งและเป็นก้อนเหนียวสีน้ำตาลแก่ที่
ประกอบด้วยแอลคาลอย์ ประมาณ 25 ชนิด โดยแอลคาลอย์ที่พบมากที่สุดคือ มอร์ฟีน
(morphine) ที่มีความร้ายแรงกว่าฝิ่น 8-10 เท่า มีลักษณะเป็นผงสีขาว ไม่มีกลิ่น
รสขมมาก
และละลายน้ำได้ดีมาก นอกจากนี้ยังมีสารที่สกัดจากฝิ่นคือ โคเดอีน (codeine)
และ
สารอีกชนิดที่ผลิตจากมอร์ฟีนคือ เฮโรอีน (heroine) เฮโรอีนที่บริสุทธิ์คือ
เฮโรอีนเบอร์ 4
เป็นผงละเอียดสีขาว ไม่มีกลิ่น รสขมจัดถ้านำมาผสมกับสารอื่น เช่นสารหนู สติกนิน
ยานอนหลับ น้ำประสานทอง น้ำกัญชาต้ม ฯลฯ จะมีลักษณะเป็นเกล็ดไม่มีกลิ่นนำมาเสพย์
โดยวิธีสูบ จะมีฤทธิ์มากกว่าฝิ่นถึง 80 เท่า สารอนุพันธ์ของฝิ่นจะมีผลต่อระบบประสาท
ของมนุษย์ โดยช่วยลดความเจ็บปวด ทำให้ซึมเศร้า มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
ที่
ไม่สามารถควบคุมสติและสมาธิได้ ร่างกายมีอาการเคลื่อนไหวน้อย ตาพร่า เฉื่อยชาและ
เกียจคร้าน เฮโรอีนเป็นสารที่มีอันตรายสูงกว่าฝิ่นและมอร์ฟีนมาก สารนี้จะติดง่ายแต่
่เลิกยากมากระยะที่ติดสารนี้จะทำให้ร่างกายทรุดโทรมมากเนื่องจากสารนี้ไปทำลายเนื้อเยื่อ
สมองและระบบประสาท ทำให้การควบคุมการทำงานของระบบต่างๆเสียไป คนที่ขาดเฮโรอีน
จะทรมานมาก จะมีอาการ น้ำมูก น้ำตาไหลเหงื่อแตก ปวดกระดูกและกล้ามเนื้อปวดท้อง
อย่างรุนแรงบางครั้งอาจชักและหมดสติ
|
|
ภาพที่ 2.14 ภาพดอกฝิ่น อนุพันธ์ฝิ่น และผลต่อคนที่เสพย์ติด
|
3. สารที่ทำให้ประสาทหลอน เป็นสารในกลุ่มที่มีผลทำให้ความรู้สึกนึกคิดเปลี่ยนแปลงไปจาก
ปกติ ได้แก่ เมสคาไลส์ (mescaline) สกัดได้จากกระบองเพชรเพโยคนอกจากนี้ยังมีสารอื่นๆ
ที่มีผลต่อ ระบบประสาทอีกหลายชนิด ได้แก่ คาเฟอีน ทีโอไฟลิน ที่มีอยู่ในชาและกาแฟ
เป็น
สารที่กระตุ้นสมองส่วนซีรีบรัม และเมดัลลาออบลองกาตา ทำให้ประสาทตื่นตัว ส่วนนิโคตินใน
ยาสูบ ทำหน้าที่กระตุ้นระบบประสาทเช่นเดียวกัน โดยกระตุ้นการทำงานของอะเซทิลคอลีน
แต่สารพิษจากเชื้อแบคทีเรียคลอสตริเดียม โบทูรินัม (Clostridium botulinum)
ที่ปนเปื้อนมา
ในอาหารกระป๋อง จะยับยั้งการปล่อยแอซิติลโคลีนที่บริเวณซิแนปส์ ทำให้กล้ามเนื้อไม่หดตัว
และเกิดอัมพาต ได้
|
|
|
|