|
ซากดึกดำบรรพ์
หรือฟอสซิล (fossil) คือ ซาก หรือร่องรอยการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตในยุคธรณีกาล เมื่อสิ่งมีชีวิตล้มตายลง
ส่วนที่เป็นเนื้อเยื่อจะผุพังสลายไปคงเหลือแต่ส่วนที่เป็นโครงสร้างแข็งและบางครั้งบางชิ้นส่วนอาจอยู่ไม่ครบ
เนื่องจากเกิดการผุพังและพัดพาไปของตะกอนเกิดการทับถมและฝังตัวอยู่ในชั้นหินซึ่งซากหรือร่องรอยเหล่านี้ได้ผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติทำให้ส่วนของอินทรีย์สารของซากเปลี่ยนแปลงไปจากส่วนประกอบเดิมแต่ยังคงรูปลักษณะของโครงสร้างเดิมให้เห็นอยู่กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ
ได้แก่
1.
กระบวนการแทรกซึมของแร่ธาตุในรูพรุนของโครงร่างของสิ่งมีชีวิต
(permineralization) เช่น แร่ธาตุเข้าไปสะสมตัวอยู่ในช่องว่างของเนื้อกระดูก
2.
กระบวนการที่ซากสิ่งมีชีวิตกลายเป็นหินแข็ง เนื่องจากส่วนประกอบเดิมซึ่งเป็นสารอินทรีย์ถูกแทนที่ด้วยสารละลายซิลิกา
หรือสารละลายแคลเซียมคาร์บอเนต การถูกแทนที่จะไม่ทำให้โครงร่างเดิมสูญเสียไป
(petrification หรือ petrifaction)
3.
กระบวนการที่ซากสิ่งมีชีวิตซึ่งเป็นสารอินทรีย์ถูกแทนที่ด้วยสารซิลิกาในรูปของแร่ควอตซ์
แร่คาลซิโดนี หรือแร่โอปอล (silicification)
4.
กระบวนการกลายเป็นถ่าน ได้แก่ ซากพืชซากสัตว์กลายเป็นสารคาร์บอน
(carbonization)
5.
ร่องรอยหรือพิมพ์ของสิ่งมีชีวิตที่ประทับไว้หรือฝังตัวอยู่ในชั้นดิน
เช่น รอยเท้า รอยทางเดิน รอยหนอน รอยเจาะ รอยชอนไช ซึ่งอยู่ในชั้นตะกอน
ต่อมาตะกอนแข็งตัวกลายเป็นหิน ทำให้ร่องรอยนั้นถูกเก็บรักษาในชั้นหิน
|
|
ภาพที่
4.1 - 4.4 แสดงการเกิดซากดึกดำบรรพ์ |
|
ภาพที่ 4.1 เมื่อสัตว์ตายไป
|
|
ภาพที่ 4.2 ตะกอนเริ่มทับถมและมีสารละลายแร่แทรกซึมเข้าไปในโครงร่างของสัตว์และพืชที่ตายไป
|
|
ภาพที่ 4.3 ตะกอนกลายเป็นหินปิดทับซากของสัตว์และพืชที่ตาย
|
|
ภาพที่ 4.4 เมื่อเวลาผ่านไปชั้นหินตะกอนหลายๆ
ชั้นถูกยกตัวสูงขึ้น กลายเป็นภูเขา
เกิดการผุพัง และกัดกร่อนพัดพาเอาผิวของซากดึกดำบรรพ์บางส่วนไป
|
|
ภาพที่ 4.5 ซากดึกดำบรรพ์ของปลาเกล็ดแข็งที่เกล็ดเกิดกระบวนการคาร์บอนไนเซชัน
(carbonization)
ทำให้เกล็ดเปลี่ยนสภาพเป็นคราบคาร์บอนสีดำมัน ภาพนี้เป็นฟอสซิล
พบที่ ภูกุ้มข้าว จังหวัดกาฬสินธุ์
|
ภาพที่
4.6 ซากดึกดำบรรพ์ในอำพัน
ที่มา : http://www.lallybroch.com/LOL/images/amber.jpg
|
|
ซากดึกดำบรรพ์สามารถพบได้ในหินตะกอน
เช่น หินดินดาน หินทราย หรือหินปูน ทั้งที่พบโดยธรรมชาติจากการกัดเซาะของน้ำ
ลม เช่นบริเวณที่มีทางน้ำไหล หรือริมชายฝั่งทะเล และในบริเวณที่เกิดจากมนุษย์
เช่น การขุดเหมือง การก่อสร้างทาง หรือถ้าต้องการค้นหาซากดึกดำบรรพ์สัตว์ทะเล
ควรหาบริเวณที่มีภูเขาหินปูนเป็นแหล่งสะสมตัวของตะกอนทางเคมีของสารคาร์บอเนตที่เกิดจากโครงสร้างของเปลือกหอย
ปะการังและสัตว์ทะเลหลายชนิด ส่วนในหินอัคนีนั้นเนื่องจากเป็นหินที่เกิดจากการเย็นตัวอย่างรวดเร็วของลาวาและแมกมา
จึงไม่มีสิ่งมีชีวิตเข้าไปได้ ทำให้ไม่พบซากดึกดำบรรพ์ในหินอัคนี
|
|
|
ทำไมจึงพบซากดึกดำบรรพ์ในหินตะกอน
หรือหินชั้น จะมีโอกาสพบซากดึกดำบรรพ์ในหินอัคนีหรือไม่
เพราะเหตุใด |
|
|
|
ในการสำรวจค้นหาแหล่งซากดึกดำบรรพ์เราควรจะทราบถึงอายุของซากดึกดำบรรพ์นั้นด้วยโดยจะอิงจากตารางทางธรณีกาลหรือเวลาทางธรณีวิทยาดังนี้
|
ตารางเวลาทางธรณีวิทยา
(geologic time scale)
|
บรมยุค(Eon)
|
มหายุค
(Era) |
ยุค
(Period) |
สมัย
(Epoch) |
เวลา
(Time) (หน่วยเป็นล้านปี) |
ฟาเนอโรโซอิก(phanerozoic) |
ซีโนโซอิก
(Cenozoic) |
นีโอจีน
(Neogene) |
โฮโลซีน-ปัจจุบัน (Holocene-Recent)
|
0-0.01 |
ไพลสโตซีน (Pleistocene)
|
0.01-1.8 |
พาลีโอจีน
(Paleogene) |
ไพลโอซีน (Pliocene)
|
1.8-5.3 |
ไมโอซีน (Miocene)
|
5.3-23 |
โอลิโกซีน (Oligocene)
|
23-33.9 |
อีโอซีน (Eocene)
|
33.9-55.8 |
พาลีโอซีน (Paleocene)
|
55-65.5 |
มีโซโซอิก
(Mesozoic) |
ครีเทเชียส (Cretaceous)
|
|
65.5-145.5 |
จูแรสซิก (Jurassic)
|
|
145.5-199.6 |
ไทรแอสซิก (Triassic)
|
|
199.6-251 |
พาลีโอโซอิก
(Paleozoic) |
เพอร์เมียน (Permian)
|
|
251-299 |
คาร์บอนิเฟอรัส (Carboniferous)
|
|
299-359.2 |
ดีโวเนียน (Devonian)
|
|
359.2-416 |
ไซลูเรียน (Silurian)
|
|
416-443.7 |
ออร์โดวิเชียน (Ordovician)
|
|
443.7-488.3 |
แคมเบรียน (Cambrian)
|
|
488.3-540
|
พรีแคมเบียน
(Precambrian) |
โปรเทอโรโซอิก (Proterozoic)
|
|
|
540-2500
|
อาเคียน (Archean)
|
|
|
2500-3800
|
ฮาเดียน (Hadean)
|
|
|
|
3800-4600
|
|
แหล่งที่พบซากดึกดำบรรพ์ในประเทศไทย
-
แหล่งซากดึกดำบรรพ์เกาะตะรุเตา อำเภอละงู จังหวัดสตูล
เป็นบริเวณที่มีซากดึกดำบรรพ์ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
มีการสะสมตัวตั้งแต่ยุคแคมเบรียนตอนปลายต่อเนื่องจนถึงยุคออร์โดวิเชียนตอนต้น
ราว 500-470 ล้านปี บริเวณที่พบได้แก่ อ่าวตะโละโต๊ะโป๊ะ อ่าวตะโละอุดัง
และอ่าวมะละกา พบในชั้นหินดินดานและหินทราย ได้แก่ ไทรโลไบต์
แบรคิโอพอด สโตรมาโตไลต์ นอติลอย์ และร่องรอยสัตว์ดึกดำบรรพ์อื่นๆ |
|
ภาพที่
4.7 ไทรโลไบต์ (trilobite) เป็นสัตว์ทะเลจัดอยู่ในไฟลัมอาร์โทรโพดา
(Arthropoda) พวกเดียวกับกุ้ง ปู เนื่องจากลำตัวแบ่งได้เป็น
3 ส่วน คือ ส่วนแกนลำตัวและอีก 2 ส่วนด้านข้างลำตัว
มีลักษณะคล้ายแมงดาทะเลปัจจุบัน แต่มีขนาดเล็กกว่าตั้งแต่ขนาดไม่กี่มิลลิเมตรจนถึง
90 เซนติเมตร อาศัยอยู่ในทะเลตื้นและตามแนวปะการัง
พบแพร่หลายในมหายุคพาลีโอโซอิกตอนต้น และสูญพันธุ์เมื่อปลายยุคเพอร์เมียน
|
|
ที่มา : http://www-sst.unil.ch/Musee/
publications/pict/trilobite.jpg
|
|
ภาพที่
4.8 แบรคิโอพอด (brachiopod) เป็นสัตว์ทะเลจัดอยู่ในไฟลัมแบรคิโอโพดา
(Brachiopoda) ส่วนใหญ่เป็นพวกเกาะติดอยู่กับที่
ตามหินหรือวัตถุที่อยู่บนพื้นทะลบริเวณน้ำตื้น
มีลักษณะคล้ายหอยกาบคู่เช่นหอยแครง แต่ต่างกันที่เปลือกทั้ง
2 ฝา มีขนาดไม่เท่ากัน แต่ฝาเดียวกันมีลักษณะสมมาตรด้านซ้ายและขวา
เปลือกมีขนาดประมาณ 2-7 เซนติเมตร พบแพร่หลายมากในมหายุคพาลีโอโซอิก |
|
|
|
ที่มา : http://www.eeob.iastate.edu/faculty/DrewesC
/htdocs/brachiopod-diaDV.JPG
|
|
ภาพที่
4.9 นอติลอยด์ (Nautiloid) เป็นสัตว์ทะเลจัดอยู่ในไฟลัมมอลัสกา
(Mollusca) หรือสัตว์จำพวกหอยชั้น Cephalopoda
กลุ่มเดียวกับปลาหมึกปัจจุบัน พบแพร่หลายในมหายุคพาลีโอโซอิก
ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงชนิดเดียว ได้แก่ หอยนอติลุส
เป็นสัตว์กินเนื้อลำตัวแบ่งเป็นห้องๆ โดยมีผนังกั้นห้อง
ส่วนใหญ่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ทำให้สามารถพบได้ทั้งบริเวณทะเลตื้นและลึก |
|
ที่มา
: http://www.karencarr.com/Images/
Gallery/2004_ gallery_hybodus
_shark_and_nautiloid.jpg |
|
ภาพที่
4.10 สโตรมาโตไลต์ (stromatolite) คือเนินตะกอนที่เกิดจากการสะสมตัวพอกขึ้นมาเป็นชึ้นๆ
โดยแบคทีเรียจำพวกไซยาโนแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
สโตรมาโตรไลต์พบเป็นซากดึกดำบรรพ์มาตั้งแต่ 3,500
ล้านปีก่อน โดยพบในทวีปแอฟริกา และออสเตรเลีย
|
|
|
|
ที่มา : http://webs.wichita.edu/mschneegurt/biol103
/lecture08/Stromatolite.jpg
|
|
ภาพที่
4.11 ร่องรอยสัตว์ดึกดำบรรพ์ (trace fossil) คือ
ร่องรอยที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสัตว์ เช่น รู
หรือรอยชอนไชของสัตว์ในดินเพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อหาอาหาร
สัตว์ต่างชนิดกันจะขุดรูและมีแนวทางการชอนไชเพื่อหาอาหารต่างกัน
|
|
ที่มา : http://www.wooster.edu/geology/
Tracefossil1.jpg
|
|
|
-
แหล่งซากดึกดำบรรพ์บ้านป่าเสม็ด อำเภอละงู จังหวัดสตูล
เป็นบริเวณที่มีซากดึกดำบรรพ์หลากหลายชนิด ได้แก่ แกรปโตไลต์
เทนทาคูไลต์ และ ไทรโลไบต์ อายุราว 400-345 ล้านปี |
ภาพที่
4.12 แกรปโตไลต์ (graptolite) เป็นสัตว์ทะเลที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ
ซากดึกดำบรรพ์ ที่พบส่วนใหญ่มีลักษณะคล้ายรอยพิมพ์บางๆ
อยู่บนหินดินดานสีดำหรือมีรูปร่างคล้ายกิ่งไม้
แกรปโตไลต์เป็นซากดึกดำบรรพ์ดัชนี เนื่องจากพบมากในมหายุคพาลีโอโซอิกตอนต้น
ยุคออร์โดวิเชียนถึงดีโวเนียน |
|
|
|
ที่มา : http://202.119.49.29/museum/paleontology/images/
graptolite.gif http://www.calacademy.org/research/izg/
My%20Pictures/graptlit.gif
|
|
-
แหล่งซากดึกดำบรรพ์เขาถ่าน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร
เป็นเขาหินปูนสลับกับหินดินดาน อายุยุคคาร์บอนิเฟอรัสตอนปลายจนถึงยุคเพอร์เมียนตอนต้นราว
300-270 ล้านปี พบซากดึกดำบรรพ์หลายชนิด ได้แก่ แบรคิโอพอต หอยกาบคู่
ปะการัง ไครนอยด์ ไบรโอซัว ฟองน้ำและร่องรอยสัตว์ดึกดำบรรพ์ |
|
ภาพที่
4.13 หอยกาบคู่ (pelecypod) เป็นสัตว์ทะเลจัดอยู่ใน
ไฟลัมมอลลัสกา (Mollusca) หรือสัตว์จำพวกหอยประกอบด้วยฝาหอย
2 ฝาที่มีขนาดฝาเท่ากันแต่มีด้านซ้ายและขวาของฝาเดียวกันไม่สมมาตรกัน
ส่วนใหญ่อาศัยอยู่พื้นทะเล บริเวณทะเลตื้น พบตั้งแต่ยุคแคมเบียนจนถึงปัจจุบัน |
|
ที่มา : http://www.lakeneosho.org/page57.html
|
|
|