|
|
กระบวนการต่างๆ ของชีวิต
เช่น การสลายสารอาหารซึ่งได้แก่ โปรตีน ลิพิด และ |
|
การที่ปฏิกิริยาเคมีทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นปฏิกิริยาในหลอดทดลองหรือปฏิกิริยาภายในเซลล์จะเกิดขึ้น ได้นั้น บางส่วนในโมเลกุลของซับสเตรตจะต้องได้รับพลังงานเพิ่มเติมจากสิ่งแวดล้อม มากกว่าบริเวณอื่นๆ เพื่อกระตุ้นให้ทั้งโมเลกุลเข้าสู่สภาพเปลี่ยน (transition state) พลังงานเพิ่มเติมนี้ เรียกว่า พลังงานอิสระของการกระตุ้น (free energy of activation) |
|
การที่จะเพิ่มพลังงานกระตุ้นนั้น
ทำได้หลายวิธี เช่น เพิ่มอุณหภูมิ เพราะเมื่อเพิ่มอุณหภูมิ โมเลกุลต่างๆ
ก็จะมีพลังงานสูงขึ้น ทำให้โอกาสในการชนกัน ในตำแหน่งที่เหมาะสมมีเพิ่มขึ้น
ปฏิกิริยานั้นจึงเกิดขึ้นได้ พลังงานอิสระของการกระตุ้นนี้ จึงเปรียบเสมือนภูเขาอุปสรรคของการเกิดปฏิกิริยาเคมี
|
|
|
|
กราฟ แสดงความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานอิสระและวิถีของปฏิกิริยา |
|
เอนไซม์ทำหน้าที่ในการลดพลังงานอิสระของโมเลกุลในสภาพเปลี่ยน
ทำให้ต้องใช้พลังงานอิสระในการกระตุ้นลดน้อยลง เช่น อาจทำให้เกิดการชนกันในตำแหน่งที่เหมาะสมได้อย่างรวดเร็ว
จึงเปรียบเสมือนกับลดความสูงของภูเขาอุปสรรคลง ทำให้จำนวน (ร้อยละ) ของโมเลกุลของซับสเตรตมีพลังงานเพียงพอที่จะเข้าสู่สภาพเปลี่ยนได้เพิ่มขึ้น
จึงทำให้อัตราเร็วของปฏิกิริยาเพิ่มขึ้นไปด้วย เพราะฉะนั้นเอนไซม์จึงทำหน้าที่เสมือนแม่สื่อที่ทำให้สารต่างๆ เกิดปฏิกิริยาได้เร็วขึ้นนั่นเอง (บทที่ 2 ทำไมร่างกายของสิ่งมีชีวิตต้องการเอนไซม์) |
|
|
|
ภาพจำลอง แสดงการชนและวางตัวของโมเลกุลของสาร |
|
ภาพจำลอง เมื่อมีเอนไซม์โมเลกุลของสารจะชนและวางตัวในตำแหน่งที่เหมาะสมได้เร็วขึ้น |
|
|
รู้หรือไม่
เอนไซม์สามารถเร่งให้ปฏิกิริยาดำเนินได้เร็วขึ้น เป็น ล้าน-ล้านล้าน (106-1012 ) เท่าของปฏิกิริยาที่ไม่มีการเร่งและ มีความจำเพาะต่อตัวเข้าทำปฏิกิริยาสูงมาก |