ไทรอยด์ฮอร์โมนสร้างมาจากการรวมตัวของหน่วยไทโรซีนในโมเลกุลของไทโรโกลบูลินซึ่งอยู่ใน
คอลลอยด์กับไอโอดีนในอาหารที่รับประทาน ไอโอดีนที่อยู่ในลักษณะของไอออนของไอโอไดด์(
I- )ทำปฏิกิริยากับหน่วยไทโรซีน เกิดเป็นหน่วยโมโนไอโอโดไทโรซีน(monoiodotyrosine
: MIT มีไอโอดีน 1อะตอม/หน่วย) หรือ หน่วยไดไอโอโดไทโรซีน(diiodotyrosine :
DIT มีไอโอดีน 2 อะตอม/หน่วย)
การทำปฏิกิริยาระหว่างไอโอไดด์กับไทโรซีน
ถูกเร่งโดยเอนไซม์ไทโรเปอออกซิเดส (thyroperoxidase : TPO)ด้วยความช่วยเหลือของไฮโดรเจนเปอออกไซด์(hydrogen
peroxide : H2 O2 )ด้วย การรวมตัวของหน่วยMITและDIT
หรือ DIT กับ DITซึ่งเกิดขึ้นกับบางตัวเท่านั้น ก็ถูกเร่งปฏิกิริยาโดยTPO
เช่นกัน ปฏิกิริยาทั้งหมดเกิดขึ้นในคอลลอยด์
การสังเคราะห์ไทรอยด์ฮอร์โมน
หมายเหตุ
หน่วยกรดอะมิโน (amino acid residue) กรดอะมิโนที่อยู่ในสายพอลิเพปไทด์
ซึ่งแต่ละตัวจับกันด้วยพันธะเพปไทด์ ฉะนั้น จะเสียไฮโดรเจนหนึ่งอะตอมที่หมู่อะมิโน
และเสียหมู่ OH ที่หมู่คาร์บอกซิลิก
ข้อยกเว้น คือ หมู่อะมิโนที่อยู่ปลาย
N จะมี NH2 ครบ และหมู่ OH ที่อยู่คาร์บอกซิลิก ก็จะมี
COOH ครบ
เซลล์ไทรอยด์ขนส่งไดโอไดด์เข้าไปในโพรงถุงไทรอยด์
(colloid) ซึ่งจะถูกเอนไซม์ TPO ออกซิไดน์ให้กลายเป็นไอโอดีนจับกับหน่วยกรดอะมิโนไทโรซีน
ซึ่งอยู่บนโมเลกุลของไทโรโกลบูลิน เมื่อเซลล์ไทรอยด์ถูกกระตุ้นโดยที
เอส เอช (TSH) จะมีการสร้างหน่วย 3 โมโนไอโอโดไทโรซีน (3 monoiodotyrosine
; MIT) และหน่วย3 ' , 5 ' ไดไอโอโดไทโรซีน (3 ' , 5 ' diiodotyrosine
; DIT) ซึ่งยังติดอยู่กับ
ไทโรโกลบูลิน หลังจากนั้นจะมีการจับคู่กันของหน่วย 3 โมโนไอโอโดไทโรซีนและหน่วยไดไอโอโด
ไทโรซีน เป็น หน่วย T3 และไดไอโอโดไทโรซีน 2 โมเลกุลรวมเป็นหน่วย
T4
เมื่อต้องการใช้ฮอร์โมน ไทโรโกลบูลินจะถูกย่อยโดยเอนไซม์โปรทีเอสที่พันธะเปปไทด์
เพื่อปลดปล่อย T3 , T4 , MIT และ DIT อยู่บ้างแล้วแพร่เข้าสู่กระแสเลือด
โดยไทรอยด์ฮอร์โมนจะเข้าไปรวมกับโปรตีนในพลาสมา ชื่อ ไทรอกซิน บายดิง
โกลบูลิน (thyroxine binding globulin : TBG) ซึ่งเป็นตัวพาไทรอยด์ฮอร์โมนไปเซลล์เป้าหมาย
แล้วไทรอยด์ฮอร์โมนก็จะหลุดจากโปรตีนตัวพาเข้าเซลล์เป้าหมายต่อไป
การสังเคราะห์
การเก็บและการหลั่งไทรอยด์ฮอร์โมน
โปรตีนเฉพาะที่จับกับไทรอยด์ฮอร์โมนในกระแสเลือดคืออัลบูมิน(albumin)และโกลบูลิน(
globulin) แต่ตัวที่จับกับไทรอกซินมากที่สุดคือโกลบูลิน เมื่อถึงเซลล์เป้าหมายไทรอกซินจะหลุดออกเป็นอิสระจากโปรตีนเพื่อเข้าเซลล์เป้าหมายและเฉพาะฮอร์โมนที่แตกตัวเป็นอิสระจึงจะทำงานและยับยั้งย้อนกลับไปที่ต่อมใต้สมองได้
ฮอร์โมนในเลือดอยู่ในสภาพ
T 4 มากกว่า T3 คือ T 4 จะมี ในกระแสเลือดประมาณ103
nmol/L แต่ T3 จะมีระดับฮอร์โมนในกระแสเลือดน้อยกว่า คือ 2.3 nmol/L
แต่มีความสามารถออกฤทธิ์แรงกว่า
T4 ประมาณ 3-4 เท่า ค่าครึ่งชีวิตของ
T3 ในพลาสมาจะสั้นกว่า T 4
ฮอร์โมนไทรอกซินต้องจับกับโปรตีนขนส่งจึงเคลื่อนที่ในกระแสเลือดได้
แล้วแยกจากโปรตีนเป็นอิสระเมื่อจะผ่านเยื่อหุ้มเซลล์