แร่ทองแดง
ที่พบมีหลายชนิด เช่น แร่ทองแดงธรรมชาติ, คาลโคไพไรต์ บอร์ไนต์ คาลโคไซต์ เททราฮีไดรต์ คิวไพรต์ มาลาไคต์
อะซูไรต์ และคริโซคอลลา
ประโยชน์
: เป็นโลหะพื้นฐานชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญ และใช้มากที่สุดในอุตสาหกรรมสมัยใหม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนี้ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญในโลหะผสมหลายชนิด
เช่น ทองเหลือง
ซึ่งเป็นโลหะผสมของทองแดงและสังกะสีเป็นหลัก
และมีธาตุอื่นผสมอยู่ในปริมาณเล็กน้อย คือ
อะลูมินียมของทองแดงดีบุกและธาตุอื่น
คือ อะลูมิเนียม ซิลิคอน เบริลเลียมหรือ โครเมียม
โลหะผสมทองแดงนิกเกิลซึ่งมีความเหนียว
ทนต่อการกัดกร่อนได้ดี
โดยเฉพาะน้ำทะเลจึงใช้ในการทำท่อในระบบกลั่น
และอุปกรณ์ภายในเรือเดินทะเล
|
ภาพที่
2.32 บอร์ไนต์
(bornite : Cu5FeS4)
|
ภาพที่
2.33 กาลีนา
(galena : PbS)
|
ตะกั่ว-สังกะสี
ที่พบในประเทศมักจะมีกำเนิดในสภพาแวดล้อมทางธรณีวิทยาเดียวกัน
แร่ตะกั่วที่พบมีทั้งแร่ตะกั่วซัลไฟด์ คือ กาลีนา และตะกั่วราร์บอเนต
ได้แก่ แร่เซรัสไซต์ แร่สังกะสี ได้แก่ แร่สฟาเลอไรต์ เฮมิมอร์ไฟต์ ซิงค์ไคต์และแร่สมิทซอ
ประโยชน์
: สินแร่ตะกั่วและสังกะสีถลุงได้โลหะตะกั่วและโลหะสังกะสีใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ
ภายในประเทศ ดังนี้
-
โลหะตะกั่ว เป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
อุตสาหกรรมโลหะบัดกรี ซึ่งเป็นโลหะผสมระหว่างดีบุกกับตะกั่วในอัตราส่วนต่างๆกัน
โลหะบัดกรีใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เครื่อใช้ไฟฟ้า
หม้อน้ำรถยนต์ ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์และแผงวงจรไฟฟ้า
- โลหะและโลหะผสมสังกะสี
ใช้ในอุตสาหกรรมเหล็กชุบ โดยการใช้โลหะสังกะสีเป็นตัวเคลือบชุบเหล็กกล้า
เช่นอุตสาหกรรมแผ่นเหล็กชุบสังกะสี ข้อต่อท่อเหล็กชุบสังกะสี
เป็นต้น |
|
|
พลวง
แร่พลวงที่พบส่วนใหญ่เป็นแร่พลวงซัลไฟด์ คือแร่สติบไนต์
หรือที่เรียกว่า แร่พลวงเงิน และแร่พลวงไฮดรอกไซด์ คือแร่สติบิโคไนต์
ประโยชน์
: สินแร่พลวงถลุงได้โลหะพลวง ใช้ในการทำโลหะผสมโดยผสมกับโลหะตะกั่ว
ทำแผ่นกริดแบตเตอรี่ ผสมตะกั่วและดีบุกในการทำตะกั่วตัวพิมพ์
และโลหะบัดกรีบางชนิด ใช้เป็นส่วนประกอบของกระสุนปืนใช้ในอุตสาหกรรมไม้ขีดไฟ
ยาง ผ้าทนไฟ และอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบ นอกจากนี้ยังใช้ในการหุ้มสายโทรศัพท์
สายไฟขนาดใหญ่ ทำหมึกโรเนียว อุปกรณ์ทรานซิสเตอร์ หลอดยาสีฟัน
สี และยารักษาโรค |
ภาพที่
2.34 สติปไนต์
( stibnite : Sb2S3) |
ภาพที่
2.35 แคสซิเทอไรต์
(cassiterite
: SnO2
)
|
ดีบุก
ที่พบในประเทศไทยมี 2 ชนิด คือ แคสซิเทอไรต์ ซึ่งพบและเป็นแร่เศรษฐกิจเพียงชนิดเดียว
อีกชนิดคือ สแตนไนต์ พบน้อยมากและไม่มีการผลิต
ประโยชน์
: แคสซิเทอไรต์ เป็นสินแร่ที่สำคัญของโลหะดีบุก
เนื่องจากโลหะดีบุกมีคุณสมบัติในด้านการทนทานต่อการกัดกร่อนของกรด
และสารละลายต่างๆ ไม่เป็นสนิม ผสมเป็นเนื้อเดียวกับโลหะอื่นได้ดี
และไม่เป็นพิษต่อร่างกาย จึงถูกนำมาใช้ในการเคลือบโลหะต่างๆ
ที่ทำเป็นภาชนะบรรจุอาหารเป็นส่วนใหญ่ ใช้ผสมตะกั่วเงิน
หรือทองแดงเป็นโลหะบัดกรี ผสมกับโลหะอื่นทำภาชนะประดับและศิลปวัตถุต่างๆ
|
ทังสเตน
เป็นโลหะสีเทาเงิน มีจุดหลอมเหลวและความหนาแน่นสูง เป็นตัวนำความร้อนและไฟฟ้าที่ดี
มีสัมประสิทธิ์ของการขยายตัวต่ำ เมื่อผสมกับคาร์บอนแล้วจะมีความแข็งมาก
สินแร่ของโลหะทังสเตนที่พบในประเทศ มี 2 ชนิด คือวุลแฟรไมต์
และชีไลต์
ประโยชน์
: วุลแฟรไมต์และชีไลต์ เป็นสินแร่ที่สำคัญของโลหะทังสเตน
โลหะทังสเตนใช้ทำไส้และขั้วหลอดไฟฟ้า ชิ้นส่วนบริเวณผิวสัมผัสของอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
ทำฉากป้องกันความร้อนและรังสี และอุปกรณ์ต่างๆ เช่น
เครื่องฉายรังสีเอ็กซ์ เอาอุณหภูมิสูง เครื่องเชื่อมประสานโลหะ
ผสมกับเหล็กเพื่อให้ได้เหล็กกล้าที่มีความแข็งมาก สำหรับทำเกราะในยานพาหนะ
และอาวุธสงคราม ทำมีด มีดโกน ตะไบ และใบเลื่อย |
ภาพที่
2.36 วุลแฟรไมต์
(wolframite : (Fe,Mn)WO4)
|
ภาพที่
2.37 แมกนีไทต์
(magnetite : Fe3O4)
|
แร่เหล็ก
เป็นวัตถุดิบที่มีความสำคัญเป็นอันดับสูงในยุคอุตสาหกรรม
แร่เหล็กที่พบมากและนำมาใช้ประโยชน์ภายในประเทศมีดังนี้
แมกนีไทต์ เป็นเม็ดเกาะกันแน่น
สีดำ สีผงละเอียดำเป็นแม่เหล็กในตัวเอง
ฮีมาไทต์ เนื้อสมานแน่นเป็นแผ่นซ้อนกันหรือรูปไต
สีแดงเลือดหมูจนเกือบดำและสีเทาสีผงละเอียดสีน้ำตาลแดง
ไลมอไนต์ มักจะพบเป็นรูปหินงอก
มนโค้งหรือดูคล้ายดินสีน้ำตาลแก่ถึงดำ สีผงละเอียดสีน้ำตาลเหลือง
ประโยชน์
: การใช้แร่เหล็กภายในประเทศส่วนใหญ่ ใช้ในโรงงานถลุงเหล็กเพื่อการผลิตเหล็กและเหล็กกล้า
โดยที่ในอุตสาหกรรมผลิตเหล็กและเหล็กกล้าดังกล่าว จะใช้แร่เหล็กเปอร์เซ็นต์สูง
ส่วนแร่เหล็กเปอร์เซ็นต่ำ จะนำไปใช้ในการทำซีเมนต์ |
แมงกานีส
มีมากมายหลายชนิด แต่ชนิดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากที่สุดได้แก่
ชนิดที่อยู่ในรูปของออกไซด์ แร่แมงกานิสที่มีธาตุแมงกานีสอยู่ร้อยละ
35 ขึ้นไป ที่พบกันมากและนำมาใช้ประโยชน์ภายในประเทศ
มีดังนี้
-
ไพโรลูไซต์ มักพบเป็นเส้นรูปรัศมี รูปไต รูปกิ่งไม้
สีเทาอ่อนถึงดำ
- ไซโลมิเลน มักพบในลักษณะเป็นพวงองุ่น
รูปไต สีดำ และน้ำตาลดำ สีผงละเอียดสีดำ
ประโยชน์
: แร่แมงกานีสเป็นแร่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรม แร่แมงกานีสที่ใช้ภายในประเทศส่วนใหญ่เป็นชนิดไพโรลูไซต์
ซึ่งนำมาใช้ทำถ่านไฟฉาย และโลหะผสมแมงกานีสต่างๆ หรือใช้ในอุตสาหกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหล็ก เช่น โลหะอลูมิเนียมผสม อลูมิเนียมบรอนซ์ แมงกานีสบรอนซ์
เป็นต้น นอกจากนี้ยังนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเซรามิก สี
สารเคมี ปุ๋ย พลาสติก อีกด้วย |
ภาพที่
2.38 ไพโรลูไซต์
(pyrolusite: MnO2) |
ภาพที่
2.39 โครไมต์
(chromite : FeCr2O4)
|
โครไมต์
จัดเป็นแร่ที่สำคัญที่สุดในการผลิดโลหะโครเมียม
มักจะพบเป็นแบบมวลเมล็ดหรือเนื้อแน่น สีน้ำตาลดำหรือดำ
ประโยชน์
: แร่โครไมต์ ส่วนใหญ่นำมาใช้ทำโลหะผสม ซึ่งจะทำให้เนื้อแข็งและเหนียวมากขึ้น
ไม่เป็นสนิม ทนทานต่อความร้อน การขัดสี ไฟฟ้า และปฏิกิริยาทางเคมี
ใช้ทำเหล็กกล้า กันสนิม โลหะ nichrome ใช้เคลือบโลหะให้เป็นเงา
ผลิตอิฐทนไฟ และใช้ทำอุปกรณ์ต่างๆ |
นิกเกิล
ที่สำคัญมีอยู่สองชนิดคือ แร่ปฐมภูมิและแร่ทุติยภูมิ
แร่ปฐมภูมิได้แก่ เพนท์แลนไดต์ เป็นโลหะสีบรอนซ์ซีด
มักเกิดในลักษณะเป็นมวลเมล็ดเนื้อแน่น ส่วนแร่ทุติยภูมิ
ได้แก่ การ์เนียไรต์ มีสีเขียวหรือขาว มีลักษณะคล้ายดิน
ประโยชน์
: ส่วนใหญ่นำแร่นิกเกิลมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเหล็ก
และเหล็กกล้ากันสนิม โดยใช้เป็นธาตุเจือที่ให้ความต้านแรงและทนการกัดกร่อน
หรือใช้ในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ทองแดง และทองเหลือง |
ภาพที่
2.40 เพนท์แลนไดต์
(pentlandite : (FeNi)9S8)
|
|
|
ภาพที่
2.41 โมลิบดีไนต์
(molybdenite : MoS2)
|
โมลิบดีไนต์
มักจะพบในลักษณะที่เป็นแผ่นเนื้อแน่นหรือเป็นเกล็ด สีเทาปนน้ำเงิน
สีผงละเอีดยสีเขียวน้ำเงิน
ประโยชน์
: ส่วนใหญ่จะนำแร่โมลิบดิไนต์มาใช้ผสมกับเหล็ก
ทำเหล็กกล้าซึ่งแข็งและทนทานที่สุด
ใช้ทำเกราะ
ส่วนประกอบของอากาศยานและเครื่องจักรต่างๆ ใช้ผลิตเครื่องมือที่มีความเร็วสูง
เช่น ดอกสว่าน
ทำตัวหล่อลื่น ทำสีย้อมผ้า และหมึกสำหรับเขียน |