สมบัติรัตนชาติ
|
รัตนชาติส่วนใหญ่เป็นแร่
แร่ทุกชนิดจะจัดแบ่งแยกจากกันโดยลักษณะโครงสร้างผลึกและส่วนประกอบทางเคมี
เนื่องจากแร่หรือรัตนชาติต่างชนิดกัน จะมีโครงสร้างของผลึกและคุณสมบัติทางเคมีที่ต่างกันไปด้วย
|
สมบัติทางเคมี |
รัตนชาติมีองค์ประกอบทางเคมีเฉพาะตัว
แต่มีความแตกต่างกันในสีและรูปร่างลักษณะภายนอก ดังนั้นจึงใช้สีในการแบ่งกลุ่มของรัตนชาติด้วย
สำหรับแร่ที่มีสภาพแวดล้อมเดียวกันจะมีโครงสร้างทางผลึก และคุณสมบัติทางกายภาพเหมือนกันแต่จะมีองค์ประกอบทางเคมีที่แตกต่างกันเล็กน้อย
รัตนชาติส่วนใหญ่จะประกอบด้วยแร่ธาตุ 2 ชนิดขึ้นไป ยกเว้นก็แต่เพชรที่มีแต่เพียงธาตุคาร์บอนเพียงธาตุเดียวเท่านั้น
รัตนชาติที่เกิดจากธาตุมากกว่า 2 ชนิด หรือเป็นกลุ่มธาตุ หรือเป็นสารประกอบเชิงซ้อนของกลุ่มธาตุ
ต่างๆที่พบมาก ได้แก่ กลุ่มซิลิเกต กลุ่มออกไซต์ กลุ่มคาร์บอเนต
และกลุ่มฟอสเฟต เป็นต้น ตัวอย่างเช่น
|
ตารางแสดงส่วนประกอบทางเคมีของกลุ่มแร่รัตนชาติ
กลุ่มธาตุ |
ประเภท
|
องค์ประกอบทางเคมี |
กลุ่มแร่ซิลิเกต |
แอนดาลูไซต์
|
Al2SiO5 |
เบริล
|
Be3AL2(SiO3)6 |
กลุ่มแร่เฟลด์สปาร์
|
สารประกอบเชิงซ้อนของอะลูมิเนียมซิลิเกต
ร่วมกับธาตุแคลเซียม โซเดียม อะลูมิเนียม |
กลุ่มแร่การ์เนต |
สารประกอบเชิงซ้อนของซิลิเกตร่วมกับธาตุ
แมกนีเซียม แมงกานีส แคลเซียม เหล็ก อะลูมิเนียม โครเมียม |
หยกเจไดต์
|
NaAl(SiO3)2 |
หยกเนไฟรต์
|
สารประกอบเชิงซ้อนของซิลิเกตร่วมกับแคลเซียม
แมกนีเซียม หรือเหล็ก |
เพริดอต |
(Mg,Fe)2SiO4 |
โรโดไนต์
|
MnSiO3 |
โทแพซ
|
Al2(F,OH)2SiO4 |
ทัวร์มาลีน |
สารประกอบเชิงซ้อนของโบโรซิลิเกต
อะลูมิเนียม แมกนีเซียม เหล็ก |
เซอร์คอน |
ZrSiO4 |
กลุ่มแร่ออกไซต์
|
คริโซเบริล |
BeAl2O4 |
คอรันดัม
|
Al2O3 |
ควอรตซ์
|
SiO2 |
โอปอ |
SiO2.H2O
Sio2.nH2O |
สปิเนล |
MgO.Al2O3 |
กลุ่มแร่คาร์บอเนต
|
แคลไซต์
|
CaCO3 |
มาลาไคต์
|
Cu2(OH)2CO3 |
อะซูไรต์ |
Cu3(CO3)2(OH)2 |
โรโดโครไซต์ |
MnCO3 |
กลุ่มแร่ฟอสเฟต |
อะพาไทต์
|
Ca5(F,Cl)(PO4)3 |
เทอร์คอยส์
|
สารประกอบเชิงซ้อนของกลุ่มไฮเดรต
ซิลิเกตร่วมกับธาตุอะลูมิเนียม ทองแดง ฟอสเฟต |
|
ที่มา : เอกสารกรมทรัพยากรธรณี เรื่อง สาระน่ารู้เรื่องรัตนชาติ |
สมบัติทางกายภาพ
|
สมบัติทางกายภาพของรัตนชาติจะคล้ายกับของแร่ทั่วๆไป
แต่จะมีบางอย่างที่ต่างไป คือ
-
ความเหนียว (toughness) หมายถึง ความทนทาน คงทนของรัตนชาติที่มีต่อการแตกหัก
กะเทาะ บิ่น เป็นคุณสมบัติของรัตนชาติที่เกิดเนื่องจากแรงดึงดูดของอนุภาคภายในรัตนชาติ
ซึ่งมีผลทำให้มีความเหนียวไม่เท่ากัน บางชนิดแข็งมากแต่ไม่เหนียวเช่น
เพชร แข็งมากที่สุดแต่ไม่เหนียวที่สุด เนไฟรต์ มีความแข็งไม่มากแต่มีความเหนียวมาก
เป็นต้น
-
ความคงทน (stability) หมายถึง ความทนทานของรัตนชาติต่อการสลาย
ผุพัง หรือต่อปฏิกิริยาเคมี รัตนชาติจะคงสภาพอยู่ได้นาน
-
รูปร่างเฉพาะตัวของรัตนชาติ (crystal habit) หมายถึงรูปแบบที่เป็นเฉพาะตัวของรัตนชาตินั้นๆ
และจะเกิดเป็นรูปผลึกต่างๆ กัน ตัวอย่างเช่น รูไทล์ จะมีรูปผลึกเป็นรูปเข็ม
แซปไฟร์ จะมีรูปผลึกเป็นรูปปิรามิดคู่ ฮีมาไทด์ จะมีรูปผลึกเป็นรูปพวงองุ่น
แคลไซต์ จะมีรูปผลึกเป็นรูปเส้นใย โกเมน จะมีรูปผลึกเป็นรูปตะกร้อ
เพชร จะมีรูปผลึกแปดเหลี่ยม ทัวร์มาลีน จะมีรูปผลึกเป็นรูปแท่ง
ทับทิมจะมีรูปผลึกเป็นรูปแท่งแบน
|
|
ผลึกรูไทล์รูปเข็มในผลึกควอตซ์
|
แซปไฟร์
|
|
|
ฮีมาไทด์
|
ทัวร์มาลีน
|
|
ภาพที่ 2.30 ตัวอย่างผลึกรัตนชาติ
|
-
การกระจายแสง (dispersion) หมายถึง การที่แสงสีขาวส่องผ่านเข้าไปในรัตนชาติบางชนิด
แสงนี้จะเกิดการเหเป็นมุมที่แตกต่างกัน และแยกออกเป็นลำแสงหลากหลายสีแล้วสะท้อนออกมาทำให้เห็นเป็นสีต่างๆ
สีที่มองเห็นอาจเป็นลำดับชุดของสีรุ้งเช่นเดียวกับลักษณะการเกิดรุ้งกินน้ำ
มีแร่เพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่สามาถมองการกระจายของแสงได้ด้วยตาเปล่า
ซึ่งจะขึ้นอยู่กับค่าดัชนีหักเห และการเจียรไนของรัตนชาตินั้น
ความมากน้อยของการกระจายแสงนี้จะแตกต่างกันไปในรัตนชาติแต่ละชนิด
เช่น เพชร เพชรเทียม โกเมน
|
การตรวจสอบแร่รัตนชาติ |
ด้วยเหตุที่รัตนชาติส่วนใหญ่จะเป็นแร่ชนิดต่างๆ ดังนั้นการตรวจจำแนกชนิด
ประเภท และการจัดแบ่งรัตนชาติ จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอย่างมากกับการตรวจจำแนกชนิดแร่
การตรวจวิเคราะห์รัตนชาติเพื่อให้ได้ชนิดและประเภทของรัตนชาตินั้น
เมื่อตรวจสอบว่าเป็นรัตนชาติชนิดไหน ชื่ออะไรแล้วจะต้องพิสูจน์ด้วยว่ารัตนชาตินั้นจริงหรือปลอม
มีรัตนชาติหลายชนิดที่ยังไม่มีการสังเคราะห์หรือทำปลอม เช่น โทแพซ
เพทาย ทัวร์มาลีน โกเมน เป็นต้น รัตนชาติพวกนี้เมื่อตรวจวิเคราะห์ได้ชนิดและประเภทแล้วก็ไม่ต้องยุ่งยากในการพิสูจน์ต่อไป
แต่บางชนิดได้มีการทำการสังเคราะห์เลียนแบบขึ้นมาแล้ว ทำให้ต้องมีการตรวจสอบต่อไปว่าเป็นของปลอมหรือไม่
ได้แก่ ไพลิน ทับทิม บุษราคัม เพชร เป็นต้น ดังนั้นเทคนิคในการตรวจพิสูจน์รัตนชาติเป็นกระบวนการที่อาจทำควบคู่ไปหรือแยกกันก็ได้
โดยใช้ขั้นตอนการตรวจวิเคราะห์ดังต่อไปนี้
|
|
1.
ตรวจวิเคราะห์คุณลักษณะสมบัติทั่วไปที่เด่นชัดด้วยตาเปล่าก่อน
ใช้แว่นขยาย หรือ กล้องจุลทรรศน์ กำลังขยายต่ำ 10-30 เท่า เพื่อ
ดู สี ความโปร่ง ความวาว การกระจายแสง น้ำหนัก ตำหนิภายนอกต่างๆ
เป็นต้น |
2.
ตรวจวิเคราะห์รายละเอียดภายใน และลักษณะภายนอกด้วยแว่นขยายหรือกล้องจุลทรรศน์กำลังขยายสูง
30-200 เท่า ดูลักษณะของตำหนิภายนอก และมลทินภายในต่างๆ จะต้องใช้ระบบแสงที่ถูกต้อง
และอาจจะต้องจุ่มรัตนชาติลงในน้ำหรือน้ำยาบางชนิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการมอง |
3.
ตรวจวิเคราะห์โดยใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์เข้าช่วย เพื่อให้ได้ข้อมูลละเอียด
ชัดเจน และแม่นยำมากขึ้น โดยส่วนใหญ่ใช้คุณสมบัติทางแสงและทางกายภาพของรัตนชาติเป็นหลักในการตรวจ
เช่น การใช้เครื่องรีแฟรกโตมิเตอร์วัดหาค่าดัชนีหักเหแสง
ค่าไบรีฟริงเจนซ์
การใช้เครื่องชั่งหาความถ่วงจำเพาะ |
|
ภาพที่ 2.31 เครื่องรีแฟรกโตมิเตอร์ ใช้วัดหาค่าดัชนีหักเหแสง
|
ที่มา : http://cgi.ebay.fr/ws/eBayISAPI.dll?ViewItem&category=14279&item=6112783489&rd=1
|
4.
นำข้อมูลที่ได้จากการตรวจวิเคราะห์ทั้ง 3 ขั้นตอน มาประมวลและประเมินว่ารัตนชาติที่ทำการตรวจวิเคราะห์อยู่นั้นเป็นอะไร
มีชื่อว่าอย่างไร เป็นรัตนชาติจริงหรือปลอม |
|