
อัตราการเกิดปฏิกิริยา
(reaction rate, r) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของสารตั้งต้นหรือสารผลิตภัณฑ์เมื่อเวลาเปลี่ยนไป

ความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของสารตั้งต้นและสารผลิตภัณฑ์กับเวลา
ในขณะที่เกิดปฏิกิริยาโมเลกุลของสารตั้งต้นก็จะเปลี่ยนเป็นสารผลิตภัณฑ์
ทำให้ความเข้มข้นของสารตั้งต้นลดลง ส่วนความเข้มข้นของสารผลิตภัณฑ์ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เราจึงสามารถติดตามการดำเนินไปของปฏิกิริยาได้จาก
การวัดความเข้มข้นที่ลดลงของสารตั้งต้น
การวัดความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้นของสารผลิตภัณฑ์
หมายเหตุ
: |
ในการวัดอัตราการเกิดปฏิกิริยามีสิ่งที่ต้องคำนึงถึง
คือ
|
|
1. |
ต้องทำการผสมสาร
(เขย่า) ด้วยความสม่ำเสมอ |
|
2. |
เมื่อผสมสารเสร็จต้องรีบทำการวัดทันที |
|
3. |
การผสมสารด้วยมือ
จะหาอัตราการเกิดปฏิกิริยาเริ่มต้น (initial rate) จริงๆ ได้ ยากมากเพราะเมื่อผสมสารด้วยมือเสร็จแล้วทำการวัด
ก็หมายความว่า เวลาได้ผ่านไปแล้วอย่างน้อย 3 วินาที |
|
4. |
ต้องทำการทดลองที่ความเข้มข้นต่ำๆ
ตั้งแต่ระดับมิลลิโมลาร์ (mM) ลงมา |

พิจารณาปฏิกิริยา

ถ้าแทนความเข้มข้นของสารในปฏิกิริยา
คือ [A], [B] และ [C] เราจะสามารถหาอัตราการเกิดปฏิกิริยาได้จาก
อัตราการเกิดของสารผลิตภัณฑ์ C |
|
อัตราการลดลงของสารตั้งต้น A หรือ B ตัวใดตัวหนึ่ง
(อัตราการลดลงใส่เครื่องหมายลบ)
|
|
ตัวอย่างที่
1 การสลายตัวของ H2O2 ได้เป็น O2
และ H2O
อัตราการเกิดปฏิกิริยา
คือ |
 |

พิจารณาปฏิกิริยา

จะได้ว่า
อัตราการเกิดสารผลิตภัณฑ์
C = 3 x (อัตราการลดลงของสารตั้งต้น A)
อัตราการเกิดปฏิกิริยา
คือ
ตัวอย่างที่
2 จากปฏิกิริยาการสลายตัวของ
NOBr พบว่า อัตราการเกิด
NO มีค่าเท่ากับ 1.6 x 10-4 mol L-1 s-1 จงคำนวณอัตราการเกิดปฏิกิริยา
และอัตราการลดลงของ NOBr ?

วิธีคิด
จากสมการเคมี
จะได้ว่า

|
ดังนั้น
อัตราการเกิดปฏิกิริยา หาได้จาก |

อัตราการเกิดปฏิกิริยา
มีค่าเท่ากับ 8.0 x 10-5 mol L-1 s-1
|
และเนื่องจาก
อัตราการลดลงของ NOBr เป็น 2 เท่าของอัตราการเกิดปฏิกิริยา จึงได้ว่า |
|
ดังนั้น
อัตราการลดลงของ NOBr มีค่าเท่ากับ 1.6 x 10-4 mol L-1
s-1 |

|
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสภาวะต่าง
ๆ ของปฏิกิริยา เช่น อุณหภูมิ หรือความเข้มข้น นักเรียนคิดว่า อัตราการเกิดปฏิกิริยาจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร?
|
จากการทดลองพบว่า
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับอัตราการเกิดปฏิกิริยามี 6 ปัจจัย ดังนี้
 
|