1. การควบคุมการตั้งครรภ์
จากการหลั่งของฮอร์โมนอีสโทรเจนและโพรเจสเทอโรนสามารถนำความรู้มาใช้ในการป้องกันการตั้งครรภ์หรือ
ระยะปลอดภัย (safe period) ได้ โดยถ้ามีเพศสัมพันธ์ในระยะก่อนมีประจำเดือนและหลังมีประจำเดือน
7 วันมักจะเป็นวันที่ปลอดภัยจาการตั้งครรภ์
2. การใช้เป็นฮอร์โมนทดแทน
สำหรับผู้ขาดฮอร์โมน เช่นกรณีที่ผ่าตัดมดลูกและรังไข่ก่อนที่จะหมดประจำเดือนตามธรรมชาติ
(surgical menopause)
รักษาผู้ที่มีอาการปวดท้องมากขณะที่มีประจำเดือน
โดยให้ฮอร์โมนไปยับยั้งไม่ให้มีการตกไข่
เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่
(endometriosis) ได้แก่การที่เยื่อบุไปเจริญที่ต่างๆ
ที่ไม่ใช่ในโพรงมดลูก เช่นรังไข่ อุ้งเชิงกราน เอ็นค้ำจุนทำให้ขณะมีประจำเดือนจะมีเลือดประจำเดือนออกมาที่เยื่อบุไปเจริญอยู่
ทำให้มีอาการปวดมาก รักษาโดยการให้ ยาที่เป็นฮอร์โมนไม่ให้มีการตกไข่และไม่มีประจำเดือนและการผ่าตัด
ฮอร์โมนที่ให้คืออีสโทรเจนและ/หรือโพรเจสเทอโรนจะให้ระยะเวลานาน
6-9 เดือนซึ่งการให้เป็นเวลานานๆ นี้จะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อ
การรับประทานยาต้องรับประทานหลังมีประจำเดือนมาประมาณ
3-5 วัน
ตำแหน่งของเยื่อบุมดลูกที่ไปเจริญนอกโพรงมดลูก
ระดับฮอร์โมนในเลือดของคนที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน
(เมนโนพอส :menopause) น่าจะเป็นอย่างไร?
วัยหมดประจำเดือน ( menopause)
ภายหลังที่เข้าสู่วัยรุ่น และมีประจำเดือนครั้งแรก (เมนนาร์ค
: menarche) สตรีจะเริ่มมีประจำเดือนที่สม่ำเสมอเป็นเวลา
30 40 ปี หลังจากนั้นฟอลลิเคิลในรังไข่จะลดน้อยลง ประจำเดือนอาจเริ่มมามาก
(เมนนอราเจีย : menorrhagia หรือhypermenorrhea)
มีอาการปวดประจำเดือน(ดีสเมนนอเรีย :dysmenorrhea หรือ
menorrhalgia) เนื่องจากไข่ลดลง
ทำให้ฮอร์โมนจากรังไข่ลดลงด้วย ทำให้ประจำเดือนเริ่มมาไม่สม่ำเสมอ
ต่อมน้ำนมเริ่มฝ่อ มดลูกและช่องคลอดเริ่มเสื่อมลง จนในที่สุดไม่มีประจำเดือน
(menopause) ฮอร์โมนอีสโทรเจนที่ลดลง จะไปกระตุ้นให้ เอฟ
เอส เอช หลั่งออกมา แต่เมื่อไม่มีฟอลลิเคิล ในรังไข่เหลืออีก
ทำให้ไม่มีฮอร์โมน อีสโทรเจนอีก ทำให้มีอาการไม่สุขสบายจากการขาดฮอร์โมน
แพทย์รักษาโดยการให้ฮอร์โมนทดแทน
ซึ่งการรับประทานฮอร์โมนสังเคราะห์นี้ต้องตรวจร่างกายอื่นๆ
ประกอบด้วย เพราะฮอร์โมนอาจทำให้มีอาการ ข้างเคียงได้
3. การช่วยให้มีการฏิสนธิ (assisted reproductive technologies
: A RT)
การปฏิสนธินอกร่างกาย(in vitro fertilization
:IVF) และการย้ายตัวอ่อน (embryo transfer) เป็นการปฏิสนธิแบบไม่ต้องมีการร่วมเพศตามธรรมชาติ
การไม่มีบุตรเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น
สามี ไม่มีเชื้ออสุจิ หรือมีแต่ไม่แข็งแรง
การเคลื่อนที่ของอสุจิไม่ดี ภรรยา ไม่มีไข่ตก
ท่อรังไข่อุดตัน มีพังผืดมากในอุ้งเชิงกราน (pelvic adhesion)
เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่(endometriosis)
พังผืดยึดรังไข่
วิทยาการการช่วยเหลือการมีบุตร
(assisted reproductive technologies: ART)
ปัจจุบันการมีบุตรยากสามารถช่วยเหลือได้โดยการผสมไข่และสเปิร์มในหลอดแก้ว
แล้วใส่กลับไปที่โพรงมดลูก ให้เจริญเติบโตต่อไป ความรู้เกี่ยวกับเรื่องฮอร์โมนนำมาใช้ในเรื่องนี้ดังนี้
การกระตุ้นการตกไข่ โดยการให้ GnRH เป็นระยะ
(ตามการหลั่งของ GnRH ที่เป็นระยะ) กระตุ้นการผลิต FSH
และ LH หรือให้ยาซึ่งเป็นฮอร์โมน
สังเคราะห์ไปกีดกัน การทำงานของอีสโทรเจน
ไม่ให้ไปยับยั้งการทำงานของ GnRH ทำให้มีการผลิต FSH และ
LH ออกมาจำนวนมาก มีผลให้มี การ ตกไข่มากกว่า 1 ใบ หลังจากนั้นจะนำไข่ออกมาเลือกใบที่แข็งแรง
และนำมาใช้ตามการ ปฏิสนธินอกร่างกาย ด้วยวิธีต่างๆ เช่น
ขบวนการปฏิสนธินอกร่างกาย
ซิ๊ฟ (ZIFT : Zygote Intrafallopian
Transfer)
การเก็บไข่ โดยแทงเข็มผ่านทางช่องคลอดเข้าสู่รังไข่โดยตรงซึ่งสามารถเห็นได้จากอัลตราซาวด์
หรือผ่านทางหน้าท้องไปที่รังไข่
การเก็บสเปิร์ม โดยการหลั่งภายนอก (masturbation)
เลือกสเปิร์มที่แข็งแรงเท่านั้น ซึ่งถ้าต้องการเก็บไว้ใช้ภายหลังสามารถเก็บได้ไว้ในไนโตรเจนเหลวเป็นเวลาหลายปีโดยไม่เสื่อมสภาพ
การปฏิสนธินอกร่างกาย
นำไข่และสเปิร์มผสมรวมกันในห้องปฏิบัติการ เลี้ยงจนเป็นตัวอ่อน
(zygote)
การย้ายฝากตัวอ่อน
(embryo transfer) เมื่อตัวอ่อนแบ่งเซลล์ได้ 2-8 เซลล์นำตัวอ่อนใส่กลับไปยังโพรงมดลูก
ให้ฮอร์โมนช่วยในการฝังตัวอ่อน
กิ๊ฟต์
(GIFT : gamete intra fallopian
transfer) โดยการนำเอาไข่ออกมาเลือกที่สมบูรณ์
แล้วนำเครื่องมือที่นำอสุจิและเซลล์ไข่ ใส่เข้าไปในท่อนำไข่เพื่อให้มีการผสมและตั้งครรภ์แบบธรรมชาติ
แต่ในกรณีนี้ต้องไม่มีปัญหาที่ปีกมดลูก
อิ๊กซี่ (ICSI : intracytoplasmic sperm injection)
นิยมใช้ในกรณีที่ ผู้ที่มีสเปิร์ม น้อยมากๆ
และการเคลื่อนไหวไม่ดี การทำคือการที่นำเอาอสุจิเพียง
1 เซลล์ฉีดเข้าไปในเซลล์ไข่ เพื่อให้แน่ใจว่าอสุจิเข้าไปผสมในไข่แน่นอน
การทำอิ๊กซี่
การทดสอบการตั้งครรภ์ โดยการเจาะเลือดตรวจฮอร์โมน
ฮิวแมนคอริโอนิกโกนาโดโทรฟิน ( hCG ) ในกระแส
ประมาณวันที่ 10-12 วันหลังใส่ตัวอ่อน สำหรับอัตราการสำเร็จประมาณร้อยละ10
- 30
ตัวอ่อนที่เหลือจากการย้ายฝากจะเก็บไว้ใช้ใหม่ได้โดยการแช่แข็ง
เพราะขบวนการดังกล่าวมาแล้วต้องใช้ค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก
และการให้ฮอร์โมน ในการกระตุ้นไข่ มีผลต่อสุขภาพด้วย ตัวอ่อนจัดเก็บไว้ในกลีเซอรอล
หรือในไดเมททิล ซัลฟอกไซด์ (dimethyl sulfoxide) ซึ่งเป็นของเหลวไม่แข็งตัวเป็นก้อนที่อุณหภูมิต่ำมาก
แล้วแช่ในอุณหภูมิที่ต่ำมาก (-196
องศาเซลเซียส) เพื่อหยุดกิจกรรมต่างๆ ในเซลล์ เมื่อต้องการนำมาใช้
การหลอมตัวของสารทั้งสองนี้ก็ไม่ทำลายเซลล์
"เด็กหลอดแก้วไทยคนแรก เกิดเมื่อวันที่
15 สิงหาคม พ.ศ. 2530 เป็นเพศชาย ส่วนเด็กหลอดแก้วคนแรกของโลกเป็นคนอเมริกันเพศหญิง
เกิดเมื่อ พ.ศ. 2521 ชื่อ หลุยส์ บราวน์"
หลุยส์
บราวน์ เด็กปฏิสนธิในหลอดแก้วคนแรกของโลกอุ้มทารกแฝดที่เกิดจากการปฎิสนธในหลอดแก้วในประเทศอังกฤษ ส่วนภาพเล็กคือเด็กคนแรกที่ฎิสนธิในหลอดแก้วที่เกิดในประเทศออสเตรเลียชื่อแคนดิส
รีด(Candice Reed)ขณะอายุได้1ปีเกิดในปี พ.ศ. 2523
|