|
นาโนเทคโนโลยี หน่วยที่ 6: นาโนเทคโนโลยียุคอนาคต(4) |
|
|
|
|
หากนักนาโนเทคโนโลยีสามารถที่จะเข้าใจหลักการทำงานของจักรกลนาโนต่างๆ ที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ เช่น โปรตีน ดีเอ็นเอ หรือ ไรโบโซม ได้อย่างถ่องแท้แล้ว สักวันหนึ่งอาจจะสามารถที่จะนำความเข้าใจที่ได้ไปใช้ในการออกแบบโครงสร้างระดับโมเลกุล และสังเคราะห์จักรกลนาโนเหล่านี้ขึ้นมา เพื่อนำมาใช้งานอันเป็นประโยชน์ที่หลากหลายได้ หรืออาจจะทำได้แม้แต่การตัดต่อดัดแปลงโครงสร้างหรือคุณลักษณะพื้นฐานต่างๆ ของจักรกลนาโนที่จะสร้างเหล่านั้น ให้สามารถทำงานได้ตรงตามเป้าหมายและความต้องการของมนุษย์ได้ดีมากขึ้นก็เป็นได้ |
|
จากการศึกษาค้นคว้าในปัจจุบันก็ประสบความสำเร็จไปแล้วหลายครั้ง เช่น ได้มีผู้ศึกษาที่จะนำเอาโครงสร้างดีเอ็นเอ ซึ่งปกติในธรรมชาตินั้นจะมีโครงสร้างเป็นลักษณะพันกันเป็นเกลียว มาทำการดัดแปลงโดยทำให้สามารถยึดติดกันเป็นโครงสร้างที่มีลักษณะซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และมีประโยชน์ในการนำไปใช้ที่หลากหลายมากกว่าเดิมด้วย โดยอาศัยคุณสมบัติของการจับตัวเข้าด้วยกันระหว่างคู่เบส คือ A จับกับ T และ G จับกับ C เท่านั้นเอง โครงสร้างที่มีการสังเคราะห์ขึ้นก็อย่างเช่น การดัดแปลงเป็นโครงสร้างที่มีลักษณะเป็นจุดทางแยก (branch junction) เป็นโครงสร้างแบบกล่องลูกบาศก์ หรือแม้แต่เป็นโครงสร้างแบบรูปแปดหน้า (truncated octahedron) ซึ่งโครงสร้างดีเอ็นเอที่มีการออกแบบและสังเคราะห์ขึ้นมาเป็นพิเศษเหล่านี้ ผู้ที่ทำการศึกษาคาดว่าอาจจะสามารถนำไปใช้เพื่อสร้างเป็นจักรกลนาโน หรือใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสิ่งมีชีวิตต่อไปได้ และส่งผลให้สิ่งมีชีวิตนั้นมีคุณสมบัติหรือลักษณะที่พิเศษแตกต่างไปจากเดิมที่เคยเป็นได้ด้วย |
|
|
|
|
จากการสังเคราะห์โครงสร้างดีเอ็นเอแบบเป็นจุดทางแยกได้ ก็มีการประยุกต์ใช้โครงสร้างแบบเป็นจุดทางแยกหลายอันมาออกแบบ และสร้างเป็นโครงสร้างดีเอ็นเอแบบลูกบาศก์ |
|
โครงสร้างดีเอ็นเอแบบรูปเหลี่ยมแปดหน้า ที่เกิดจากการเชื่อมต่อดีเอ็นเอหลายสายเข้าด้วยกัน จนเป็นรูปเหลี่ยมแปดหน้าที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 22 นาโนเมตร |
|
|
|
โครงสร้างดีเอ็นเอแบบรูปเหลี่ยมแปดหน้าที่สังเคราะห์ขึ้นมาอีกรูปแบบหนึ่ง |
|
|
|
ล่าสุดมีการศึกษาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการสังเคราะห์โครงสร้างนาโนขึ้นมาจากดีเอ็นเอ โดยการใช้เทคนิคนาโนในการนำดีเอ็นเอมาจัดเรียงตัวประกอบกันเป็นใบหน้าของตัวการ์ตูน ที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม หรือที่เรียกกันว่า สไมลี่ (smiley) โดยผู้ที่ศึกษาได้ทำการสร้างเจ้าสไมลี่มากถึง 50,000 ล้านตัวโดยอาศัยเทคนิคการผลิตทางนาโนเทคโนโลยี ซึ่งมีหลักการผลิตง่ายๆ โดยทำการสานเกลียวของดีเอ็นเอให้มีโครงสร้างเป็นนั่งร้าน จากนั้นเสริมเกลียวดีเอ็นเอลงไปอีกราว 200 เกลียว เพื่อเสริมความแข็งแรงและให้เกิดเป็นรูปทรงที่ซับซ้อนมากขึ้นเท่านั้นเอง โดยวิธีการนี้เรียกกันว่า การพับดีเอ็นเอ หรือดีเอ็นเอออริกามิ (DNA origami) (น่าจะมีที่มาจากการพับกระดาษของญี่ปุ่นที่เรียกกว่าออริกามิเช่นกัน)
|
|
|
|
|
ตัวสไมลี่ที่เกิดจากการพับเกลียวคู่ของดีเอ็นเอ |
|
|
และยังมีการใช้เทคนิคนี้ในการสร้างโครงสร้างระดับนาโนเป็นรูปของดาว เกล็ดหิมะ สามเหลี่ยม ดอกไม้หรือแม้แต่แผนที่จำลองประเทศสหรัฐในอัตราส่วน 1 นาโนเมตรต่อระยะทางจริง 120 กิโลเมตร |
|
|
|
ผลงานในขณะนี้เป็นรูปทรง 2 มิติ แต่เชื่อว่าจะใช้เทคนิคนี้สร้างรูปทรง 3 มิติได้ เช่น สร้างกรงขนาดนาโนที่นักวิจัยสามารถกักเอนไซม์ของยาได้ชั่วคราว จนกว่าจะพร้อมทำให้โปรตีนตัวอื่นเปิดปิดการทำงาน ด้านนักวิจัยอื่นเห็นว่า เทคนิคนี้ปูทางไปสู่การสร้างอุปกรณ์ระดับนาโนที่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติในอนาคต
|
|
|
|
|
ด้วยความก้าวหน้าทางด้านระบบ เครื่องกลไฟฟ้าระดับนาโนหรือเนมส์ (NEMS) และการมีความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการทำงานและคุณสมบัติของมอเตอร์นาโนต่างๆ ที่อยู่ในธรรมชาติมากขึ้น ทำให้นักนาโนเทคโนโลยีเกิดแนวคิดในการที่จะออกแบบ และลงมือสังเคราะห์มอเตอร์นาโน ที่มีคุณสมบัติและลักษณะการทำงานที่เหมือนกันกับมอเตอร์นาโนที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ อย่างเช่นพวกโปรตีนต่างๆ ได้แก่ โปรตีนเอทีพีซินเทส (ATP synthase) โปรตีนไคเนซิน (kinesin) หรือ โปรตีนไมโอซิน (myosin) เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างจักรกลโมเลกุลที่มีประสิทธิภาพในการทำงานได้สูงสุด และสามารถนำมาใช้งานหรือประยุกต์ใช้งานให้เป็นประโยชน์ในด้านต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย |
|
จากความรู้และความเข้าใจที่เหล่านักนาโนเทคโนโลยีได้ทราบกันแล้วว่า โปรตีนเอทีพีซินเทสเป็นมอเตอร์นาโนที่ประกอบไปด้วยโปรตีน F0-เอทีพีซินเทส (F0-ATP synthase) และโปรตีน F1-เอทีพีซิน เทส (F1-ATP synthase) โดยที่โปรตีน F1 เอทีพีซินเทสนั้นเป็น มอเตอร์แบบหมุนที่มีขนาดเล็กที่สุด และด้วยการทำงานร่วมกันของโปรตีนทั้งF0-เอทีพีซินเทสและF1-เอทีพีซินเทสทำให้สามารถการสร้างพลังงานให้กับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ จึงนำมาสู่แนวคิดการออกแบบเพื่อสังเคราะห์มอเตอร์โปรตีนเอทีพีซินเทสตัวนี้ขึ้นมา โดยกระบวนการของระบบเครื่องกลไฟฟ้าระดับนาโน เพื่อนำมาใช้ประโยชน์เป็นอุปกรณ์ระดับนาโนต่อไปในอนาคต |
|
|
|
|
มอเตอร์นาโนสังเคราะห์ของ ATP synthase ถูกสังเคราะห์ขึ้นโดยการจัดเรียงตัวกันเป็นแถวของจุดนิกเกิล โดยที่แต่ละจุดนั้นเป็นโครงสร้างเสาหลักของนิกเกิลที่มีความสูง 200 นาโนเมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 80 นาโนเมตร |
|
ส่วนยอดสุดของโครงสร้างนิกเกิล จะเป็นตำแหน่งของมอเตอร์โมเลกุลชีวภาพแบบหมุนได้ โดย (A) เป็นส่วนตัวนิ่งของมอเตอร์ และ (B) เป็นเพลาของมอเตอร์ |
|
|
ส่วนประกอบของมอเตอร์นาโนสังเคราะห์แต่ละส่วนนี้ ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบและผลิตในระดับนาโนด้วยเช่นกัน โดยใช้ความสามารถในทางวิศวกรรมนาโนในการประกอบโครงสร้างนี้ อีกทั้งใช้โครงสร้างอุปกรณ์ระดับนาโนของทั้งสารอินทรีย์และอนินทรีย์ร่วมกัน และควบคุมกลไกการทำงานของมอเตอร์นาโนนี้ด้วยการเข้ารหัสคำสั่งเพื่อโปรแกรมการทำงานของมอเตอร์ |
|
|
ส่วน (C) เป็นส่วนที่เป็นฐานรองของมอเตอร์นาโนสังเคราะห์นี้ โดยเป็นส่วนประกอบของนิกเกิล ส่วน (D) เป็นส่วนปลายสุดของมอเตอร์นาโนสังเคราะห์นี้ก็จะประกอบยึดติดด้วยใบพัดนาโน (nanopropeller) ที่มีความยาวระหว่าง 750-1400 นาโนเมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 150 นาโนเมตร ส่วน (E) เป็นจุดหมุนของมอเตอร์สังเคราะห์นี้ จนสุดท้ายได้เป็นโครงสร้างที่สมบูรณ์ของมอเตอร์นาโนสังเคราะห์นี้ขึ้นมา |
|
|
ในอนาคตอีกไม่กี่ปี เราอาจจะมีมอเตอร์นาโนสังเคราะห์เพื่อเลียนแบบมอเตอร์นาโนในระบบธรรมชาติขึ้นมาใช้งาน และประยุกต์เพื่อใช้ประโยชน์กันอีกมากกมายก็เป็นได้ |