วิตามินซี หรือ กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic acid) เป็นสารที่ใช้อย่างแพร่หลายในเครื่องสำอางๆ เนื่องจากวิตามินซีเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ในมนุษย์และสัตว์มีกระดูกสันหลังบางชนิดไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้เองเนื่องจากไม่มีเอนไซม์แอล-กลูโคโน-แกมมาแลคโตนออกซิเดส (L-glucono-gamma lactone oxidase) ในกระบวนสังเคราะห์วิตามินซีจากน้ำตาลกลูโคส (glucose) ดังนั้นจำเป็นต้องได้รับวิตามินซีจากอาหาร จากงานวิจัยหลายเรื่องพบว่าปริมาณวิตาวิซีบริเวณชั้นผิวหนังมีความเข้มข้นสูงกว่าเนื้อเยื่อบริเวณอื่นๆ ซึ่งแสดงว่าตามธรรมชาติแล้วร่างกายมีการขนส่งวิตามินซีผ่านทางหลอดเลือดเพื่อสะสมในชั้นผิวหนังเพื่อช่วยในการบำรักษาผิวให้มีสุขภาพที่ดี
จากโครงสร้างโมเลกุลของวิตามินซี (รูปที่ 1) จะเห็นได้ว่าโมเลกุลมีส่วนที่เป็น Hydrophilic คือส่วนที่ชอบน้ำ เนื่องจากมีหมู่ hydroxyl (-OH) หลายตำแหน่ง ทำให้โมเลกุลของวิตามินซีละลายน้ำได้ดีมาก นอกจากนี้วิตามินซีมีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อน ไม่เสถียร สลายตัวได้ง่ายจากการถูกออกซิไดซ์ในสภาวะที่มีออกซิเจน โดนแสง และอุณหภูมิสูง นอกจากนี้หมู่ hydroxyl ของวิตามินซีสามารถแตกตัวให้โปรตอน (H+) ได้ดีกว่าปกติเนื่องจากเมื่อวิตามินซีแตกตัวให้โปรตอนแล้วเกิดเป็น ascorbate anion ซึ่งอิเล็กตรอนสามารถ delocalization ในโครงสร้างได้ดี (รูปที่ 2) ทำให้โมเลกุลมีความเสถียร ดังนั้นวิตามินซีจึงมีคุณสมบัติเป็นกรด
รูปที่ 1 โครงสร้างโมเลกุลของ วิตามินซี
รูปที่ 2 การแตกตัวให้โปรตอนของวิตามินซี
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงเนื่องจากโมเลกุลมีคุณสมบัติเป็นตัวให้ hydrogen และ electron (H.) กับอนุมูลอิสระ (free radical) ที่ดี เพื่อให้อนุมูลอิสระเปลี่ยนเป็นสารประกอบที่เสถียร และโครงสร้างของวิตามินซีเกิดเป็น radical ที่อิเล็กตรอนสามารถ delocalize ในโครงสร้างได้ดีทำให้โมเลกุลมีความเสถียร (รูปที่ 3) นอกจากนี้มีงานวิจัยรายงานคุณสมบัติฤทธิ์ทางชีวภาพที่ดีของวิตามินซี เช่น ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนในชั้นผิว dermal fibroblasts มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (tyrosinase) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างเม็ดสีของผิว เป็นต้น นอกจากนั้นยังพบว่าการใช้วิตามินซีในเครื่องสำอางมีความปลอดภัยสูงถึงแม้จะใช้ในปริมาณระดับสูงเป็นระยะเวลานานก็ตาม ทั้งนี้เนื่องจากวิตามินซีละลายน้ำได้ดี ดังนั้นการได้รับในปริมาณที่สูงกว่าความต้องการของร่างกายก็จะถูกขับออกทางปัสสาวะ จากคุณสมบัติดังกล่าวทำให้วิตามินซี ถูกนำมาใช้เป็น Active ingredient ในเครื่องสำอางหลายชนิดอย่างแพร่หลาย โดยจากการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ google trend ตั้งแต่ปี 2004-2023 ในหมวด Beauty & Fitness (รูปที่ 4 ) พบว่าความสนใจของคนทั่วโลกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าวิตามินซีเป็นที่ยอมรับมานาน และได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน ดังนั้นตลาดเครื่องสำอางที่ใช้วิตามินซีเป็น Active ingredient จะยังคงโตขึ้นเรื่อยๆ
รูปที่ 3 ปฏิกิริยาระหว่างวิตามินซีกับอนุมูลอิสระ
อย่างไรก็ตามวิตามินซีมีข้อจำกัดในเรื่องความเสถียร สามารถสลายตัวได้ง่าย ดังนั้นนักวิจัยได้พัฒนาอนุพันธ์ของวิตามินซี ที่มีความเถียรมากขึ้นแต่ยังคงมีฤทธิ์ทางชีวภาพที่ดีหรือมีประสิทธิภาพใก้ลเคียงกับวิตามินซี ตัวอย่างอนุพันธ์ของวิตามินซี ที่นิยมใช้ในเครื่องสำอาง เช่น ascorbyl 6-palmitate, tetra-isopalmitoyl ascorbate, sodium ascorbyl phosphate, ascorbyl 2-glucoside, ascorbyl 2-phosphate-6-palmitate และ 3-O-ethyl ascorbate เป็นต้น
รูปที่ 4 ข้อมูลจากการค้นของวิตามินซีด้วย google trend ตั้งแต่ปี 2004-2023 ในหมวด Beauty & Fitness
บทความโดย ผศ. ดร.ภิรมย์ เชนประโคน
เอกสารอ้างอิง
- Ravetti, S., Clemente, C., Brignone, S., Hergert, L., Allemandi, D., & Palma, S. (2019). Ascorbic acid in skin health. Cosmetics, 6(4), 58.