ขอยกตัวอย่างโครงงานเรื่อง "ไม้สอยยอดสะเดา" ของนักเรียน ม.3 โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร เด็กๆ มีแนวคิดจะทำ “ไม้สอยยอดสะเดา” โดยมีการวิเคราะห์ของเดิมว่ามีการวิเคราะห์ของเดิมว่ามีจุดด้อยอย่างไร นำจุดด้อยนั้นมาปรับปรุง มีการนำหลักตรีโกณมิติมาคำนวณความยาวของด้ามจับ มีการเลือกใช้วัสดุสำหรับทำด้ามจับที่คำนึงถึงการใช้งานในบริบทจริง ซึ่งหมายถึงความทนทาน น้ำหนักของด้ามต้องไม่หนัก และต้องไม่ทำให้แขนต้องรับแรงหรือออก แรงมาก รวมไปถึงวิธีการที่จะทำให้ยอดสะเดาหลุดออกมา มีการวิเคราะห์แล้วว่าการใช้ไม้ไผ่แบบเดิมนั้น ผู้เก็บต้องออกแรงบิดและดึงให้สะเดาขาด ซึ่งส่งให้ยอดสะเดาข้างเคียงช้ำไปด้วยจึงเปลี่ยนมาใช้วิธีการตัดด้วยกรรไกร ที่ส่งผลกับเป้าหมายยอดสะเดาที่จะเก็บโดยตรง โดยผู้เก็บเพียงแค่ออกแรงดึงเชือกควบคุมการทำงานของกรรไกรซึ่งจะใช้แรงน้อยกว่าการบิด
แค่ขั้นออกแบบ ก็ต้องใช้ความรู้แบบบูรณาการสาระแบบจัดเต็มมากๆ ทั้งคณิตศาสตร์ วัสดุศาสตร์ เทคโนโลยีที่จะผ่อนแรง รวมทั้งหลักการฟิสิกส์เรื่องแรง เพื่อให้ได้ไม้สอยยอดสะเดาที่เหมาะเจาะลงตัวและใช้งานได้จริง และเพื่อให้มั่นใจว่าไม้สอยยอดสะเดาที่ประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่นี้ ใช้งานได้ดีกว่าของเดิม มันก็ต้องพิสูจน์ให้เห็น ซึ่งวิธีการพิสูจน์ของเด็กๆ ก็สุดจะสร้างสรรค์ (ลองนึกภาพตามว่า หากเป็นตัวท่าน จะออกแบบการเก็บข้อมูลอย่างไร ก่อนไปดูเฉลยของเด็กๆ) เด็กๆ ทดลองเก็บยอดสะเดาจริงโดยใช้ไม้สอยสะเดาที่ทำขึ้นเปรียบเทียบกับไม้สอยสะเดาแบบเดิมที่มีอยู่ โดยทำการวัดปริมาณสะเดาที่เก็บได้ คุณภาพของสะเดาที่เก็บได้ และสภาพร่างกายหลังเก็บสะเดา นั่นหมายความต้องมีการควบคุมปัจจัยหลายอย่างเลย และภาพด้านขวานี่ก็คือวิธีการเก็บข้อมูลที่เด็กๆออกแบบ (วิธีคิดมันเจ๋งใช่มั้ยล่ะ) ในหนังสือสะเต็มศึกษาที่เขียนโดยท่านอาจารย์สุธีระ ท่านได้ให้คาถาคำถาม 5 ข้อในการทำ STEM คือ 1. สิ่งประดิษฐ์เดิมคืออะไร |
|
ลองหยิบโครงงานสิ่งประดิษฐ์ที่เคยทำขึ้นมาพิจารณา แล้วลองปรับให้เป็น STEM ดูสิ ไม่ต้องไฮโซแต่ให้ได้คอนเซ็บท์ก็เจ๋งแล้ว
เรื่องโดย ผศ.ดร.ปิยะฉัตร จิตต์ธรรม สถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ ม.มหิดล