เก็บทุกข้อมูลและการติดต่อกับลูกค้าแบบ 360° ไว้ในที่เดียว
อันดับแรกเลยคือข้อมูลทุกอย่างที่ใส่ลงไปใน Sales CRM แล้ว มันจะไม่มีวันหายไปและไม่สามารถแก้ไขเองได้โดยไม่ได้รับอนุญาต ลองนึกถึงข้อมูลสำคัญต่างๆ เช่น รายชื่อบริษัทลูกค้า เบอร์ติดต่อ อีเมล์ทั้งหมดที่เคยรับส่งกันที่เกี่ยวทั้งหมดตั้งแต่ดีลถูกเปิดมา วันที่คาดว่าจะปิดดีล วันที่คาดว่ารายได้จะเข้าบริษัท ข้อมูลเหล่านี้มักจะถูกเก็บแบบกระจัดกระจาย เช่น รายชื่อลูกค้าเก็บในสมุดนามบัตร อีเมล์เก็บในโปรแกรมอีเมล์ (แบบไม่ได้แยกแยะด้วยว่าอีเมล์ไหนเกี่ยวข้องกับดีลไหน) ข้อมูลที่เพิ่งประชุมกับลูกค้าล่าสุด และวันที่คาดว่าจะปิดดีล อาจจะเก็บใน Excel (ซึ่งอาจถูกแก้ไขได้ทุกเมื่อ) ซึ่ง Sales CRM จะเป็นจุดศูนย์กลางในการเก็บข้อมูลสำคัญเหล่านี้ไว้ในที่เดียว
แสดงความลำดับความสำคัญของแต่ละดีล
ช่วยให้ทีมขายใช้เวลากับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด Sales CRM จะช่วยแสดงให้เราทราบถึงลำดับความสำคัญ เช่น ดีลที่มีมูลค่าสูงและอยู่ขั้นตอนสุดท้ายของการขาย (เช่น กำลังเจรจาต่อรองราคาขั้นสุดท้ายกับลูกค้าอยู่) หากมีการติดต่อจากลูกค้าเข้ามา ดีลนี้ก็สมควรได้รับความสนใจก่อนดีลอื่น หรือกรณีตรงข้าม หากมีดีลที่มูลค่าสูง เป็นลูกค้ารายสำคัญ แต่กลับขาดการติดต่อกันไปนานเกิน 2 สัปดาห์แล้ว Sales CRM ก็จะแสดงให้เห็นพร้อมแจ้งเตือนให้เราทราบเช่นกัน
รับส่งงานแบบเรียลไทม์
ช่วยให้การมอบหมายงานเป็นไปอย่างง่ายดายด้วยการจัดการแบบเรียลไทม์ กำหนดผู้รับผิดชอบ กรอบเวลาที่ต้องเสร็จงาน พร้อมแจ้งเตือนความคืบหน้าผ่าน Line ทำให้ไม่พลาดงานสำคัญ ลองนึกภาพว่าเจ้าของบริษัทเพิ่งได้พบกับลูกค้ารายใหญ่มาและมอบหมายให้ทีมขายคนนึงไปติดต่อลูกค้าให้เร็วที่สุด ถามว่าเราจะทราบได้อย่างไรว่างานที่ได้รับการกระทำจริงๆ ซึ่ง Sales CRM จะช่วยทำให้เราแน่ใจได้เสมอว่างานที่ได้รับจัดการภายในกำหนด
รู้กิจกรรมการขายที่เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์
Sales CRM จะแจ้งเตือนทันทีผ่าน Line บนมือถือ เมื่อมีความเคลื่อนไหวที่สำคัญเกิดขึ้น เช่น มีดีลใหม่จากลูกค้า A มูลค่า 2 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าติดต่อเข้ามาทางเว็บไซต์ว่าสนใจสินค้าใหม่ของบริษัทและทีมขายของบริษัทเพิ่งส่งอีเมล์ไปนัดหมายเพื่อขอนัดพบเรียบร้อยในวันพรุ่งนี้เวลา 14.00 กับผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของบริษัท A ซึ่งเรื่องนี้ Excel หรือ Google Sheet ไม่สามารถทำได้
รายงานการขาย (Sales Dashboard)
สำหรับหัวหน้าทีมขายหรืออาจจะเป็นแอดมิน แค่นึกถึงขั้นตอนที่ต้องคอยรวบรวม Sales Pipeline จากทีมขายทุกคน ที่บริษัทไทยมักจะใช้ Excel กัน ส่งผ่านอีเมล์แล้วนำไฟล์มารวมกันเป็น Team Sales Pipeline ทุกสัปดาห์ก็เหนื่อยแล้ว ซึ่งข้อนี้ถือเป็นอีกหนึ่งงานแอดมินที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น เป็นงานที่บริษัทที่ใช้ Sales CRM ไม่ต้องทำ แถมสามารถเห็น Team Sales Pipeline ได้แบบเรียลไทม์ไม่ต้องรอสิ้นสัปดาห์ (หรืออาจจะนานกว่านั้น) ถึงจะทราบภาพรวมของตัวเลขทีมขายว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง นอกจากนี้ รายงานการขายที่ดีควรจะต้องช่วยตอบคำถามสำคัญเช่น เราใช้เวลาเท่าไรในการปิดการขายหนึ่งดีล (Sales Cycle) หรือ เราสามารถเปลี่ยน Sales Lead ที่เข้ามาเป็นรายได้ได้เท่าไหร่ (Conversion Rate%)