เมตาเวิร์ส คืออะไร
เมตาเวิร์ส (Metaverse) มาจาก คำสองคำ คือ Meta ที่แปลว่า ยิ่งกว่า ใหญ่กว่า ซึ่งนวนิยายและภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์มักนำคำนี้มาใช้ในการเรียกคนที่มีพลังวิเศษ เช่น Meta-human และ Verse ซึ่งมาจากคำว่า Universe ที่แปลว่า จักรวาล เมื่อนำคำสองคำนี้มารวมกัน ก็แปลได้ว่า จักรวาลชั้นสูง หรือหากคำนึงถึงความเป็นจริง ก็อาจแปลได้ว่า จักรวาลเสมือน ในขณะที่พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน แปลออกมาเป็น จักรวาลนฤมิต
การเกิดขึ้นของ Metaverse นั้น อาจะเปรียบได้กับการค้นพบดินแดนใหม่หรือโลกใหม่ของเหล่านักสำรวจในยุคล่าอาณานิคม ที่อดีตเมื่อในประเทศมีพื้นที่และทรัพยากรไม่เพียงพอ หรือในทางกลับกันคือ ประเทศซึ่งมีอำนาจเงินทองล้นเหลือและไม่อาจหยุดความต้องการที่จะยิ่งใหญ่มากขึ้นไปเรื่อย ๆ ได้ ผู้มีอำนาจหรือนักเสี่ยงโชคทั้งหลายก็จะมีการล่องเรื่อไปในดินแดนต่าง ๆ ที่ยังไม่มีใครค้นพบ เพื่อล่าเป็นอาณานิคมของตัวเอง บ้างก็แย่งชิงมาจากคนที่อยู่มาก่อน บ้างก็เจอที่ใหม่ ๆ ซึ่งยังไม่มีคนอยู่อาศัย แต่เมื่อมีบางคนมองว่า โลกนี้ทั้งใบไม่มีที่พอให้กับเราทุกคน หรือยังไม่พอรองรับความต้องการขยายอำนาจของบางคนบางกลุ่ม เขาจึงสร้างโลกใหม่ขึ้นมา เป็นโลกเสมือน (Virtual World) และมีการสร้างสิ่งที่เรียกว่า ความจริงเสมือน (Virtual Reality) มาใช้กันในโลกเสมือนที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
โลกใบใหม่นี้ ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี 2 อย่าง คือ AR (Augmented Reality) ซึ่งเป็นการเชื่อมโลกเดิมเข้ากับสิ่งต่าง ๆ ในโลกใหม่ อาทิ เกม Pokemon Go หรือการใช้ฟิลเตอร์กล้องถ่ายรูป และ VR (Virtual Reality) ซึ่งเป็นการตัดขาดจากโลกเดิม และเข้าไปอยู่ในโลกใหม่โดยสิ้นเชิง โดยการใช้อุปกรณ์เสริมอย่าง VR Headset เหมือนในภาพยนต์เรื่อง Avatar ที่ตัวละครเอกเป็นคนพิการ สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ออกไปใช้ชีวิตโลดโผนได้ รวมทั้งการใช้สกุลเงินของโลกใหม่ผ่านเทคโนโลยี Blockchain
Avatar ในเมตาเวิร์ส
Avatar หมายถึง รูปแทนตัวผู้ใช้ในโลกเสมือนหรือเกม ซึ่งหากเรียกแบบไทย ๆ ก็อาจเรียกว่า อวตาร ซึ่งเป็นคำที่คนไทยอาจได้ยินกันบ่อยจากรามเกียรติ ที่เป็นการกล่าวถึงภาคต่าง ๆ ของพระนารายณ์ เมื่อลงมาเกิดในโลกมนุษย์ โดยแต่ละครั้งที่พระนารายณ์แบ่งภาคลงมาเป็นเป็นปรศุราม พระราม หรือพระกฤษณะ พระนารายณ์ก็ยังใช้ชีวิตเป็นปกติพร้อมกับร่างอวตารต่าง ๆ ที่ลงมาเกิด ซึ่งเป็นแนวคิดที่ใกล้เคียงพอสมควรกับการมีตัวตนเป็น Avatar ในเมตาเวิร์ส ซึ่งเราสามารถเลือกรูปร่างหน้าตาได้ตามใจชอบ และใช้ชีวิตในนั้นไปพร้อมกับใช้ชีวิตดั้งเดิมของเรา จึงเปรียบได้กับการอวตารหรือแบ่งภาคของพระนารายณ์ เหมือนกับที่เราสามารถสร้างบันไดขึ้นไปยิงคนในเกม Fortnite ขณะเดียวกับที่กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ในร้านกาแฟนั่นเอง
การประยุกต์ใช้ และโอกาสทางธุรกิจ
เมตาเวิร์สถือเป็นพื้นที่พบปะแห่งใหม่ในโลกดิจิทัล ซึ่งอัพเกรดขึ้นอีกระดับจากพื้นที่ดิจิทัลที่เรารู้จักและคุ้นชินอย่าง Social Media ต่าง ๆ เนื่องจากในเมตาเวิร์สผู้คนจะมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันได้หลายมิติขึ้น อาทิ พบเจอตัวกันผ่าน Avatar และทำกิจกรรมต่าง ๆ ไปพร้อม ๆ กันได้ ต่างจาก Social Media ในปัจจุบัน ซึ่งผู้คนทำได้เพียงพิมพ์ข้อความโต้ตอบกัน หรือพูดคุยกันผ่าน Video Call โดยไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กันมากกว่านี้
โลกเมตาเวิร์ส มีแนวโน้มจะกลายเป็น “ตลาดสินค้าและบริการดิจิทัล” ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่ใช่เพียงแค่ในวงการเกมออนไลน์เท่านั้น หากแต่ยังมีศักยภาพในการพัฒนาทางธุรกิจและบริการแบบดั้งเดิมได้หลายอย่าง เช่น
- อีเวนต์เสมือนจริง การจัดอีเวนต์แบบเสมือนจริงนับเป็นหัวข้อที่หลายๆ คนเริ่มคุ้นเคยแล้วหลังจากมีหลายธุรกิจหันมาใช้ Virtual Reality เพื่อกระตุ้นความสนใจในช่วงของโรคระบาด หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดในการแสดงศักยภาพของโอกาสทางธุรกิจใน Metaverse คือ คอนเสิร์ตเสมือนจริง Fortnite Travis Scott โดยได้ศิลปินยอดนิยมอย่าง Travis Scott และ Ariana Grande มาแสดงในคอนเสิร์ตเสมือนจริงบน Fortnite ในเดือนเมษายน 2020 ในรูปแบบอวาตาร์ ซึ่งงานนี้มีผู้เข้าร่วมคอนเสิร์ตเกือบ 12 ล้านคน
- การผลิตและการขนส่งบริษัทต่าง ๆ สามารถจำลองกระบวนการผลิตและการขนส่งภายในเมตาเวิร์ส ซึ่งอาจช่วยให้การบำรุงรักษา และการวางแผนเชิงคาดการณ์มีต้นทุนต่ำลง นอกจากนี้วิศวกรรมอุตสาหการยังสามารถทดสอบการออกแบบผลิตภัณฑ์อย่างแท่นปล่อยจรวดแบบผสมความเป็นจริงได้
- สุขภาพ และความเป็นอยู่Telehealth สามารถพัฒนาไปสู่การดูแลเสมือนจริงเพื่อสร้างประสบการณ์แบบตัวต่อตัว ซึ่งเมตาเวิร์สสามารถปลดล็อกนวัตกรรมการดูแลสุขภาพตั้งแต่สุขภาพจิตและการจัดการความเจ็บปวดไปจนถึงการผ่าตัด ฟิตเนส กายภาพบำบัดและการดูแลผู้ป่วย
- สินค้าดิจิทัล ซึ่งสามารถซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนได้ในโลกเมตาเวิร์ส อาทิ เครื่องแต่งกายดิจิทัล (เสื้อผ้า-รองเท้า-กระเป๋า ฯลฯ) ซึ่งต้องมีความเฉพาะตัวสูงเพื่อให้ Avatar สวมใส่โดยไม่ซ้ำแบบกับผู้อื่น ตัวอย่างแบรนด์ที่เริ่มจำหน่ายเครื่องแต่งกายดิจิทัลในเมตาเวิร์สบ้างแล้ว เช่น Nike และ Gucci ซึ่งได้สร้างพื้นที่ รวมถึงร้านค้าใน Roblox ที่เปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถสร้างอวตาร์ของตัวเองภายในเกม Roblox ขึ้นมาและเลือกซื้อสินค้าต่าง ๆ มาสวมใส่กันในเกมได้
- งานศิลปะดิจิทัล และของสะสมดิจิทัลต่าง ๆ (รวมถึงเพลง-ภาพยนตร์-ข้อความใน Social Media) ที่มีการเข้ารหัสบล็อกเชนเพื่อป้องกันการทำซ้ำ (Copy) จึงมีความเฉพาะหรือมีเพียงชิ้นเดียวในโลก ทำให้มีมูลค่าสะสมในตัวเอง อาทิ Pringles ผู้ผลิตมันฝรั่งทอดกรอบที่นำ "ภาพดิจิทัลของมันฝรั่งรสชาติ Crypto Crisp" ออกมาประมูลถึง 50 ภาพ (กระป๋อง) โดยที่ในโลกจริงไม่มีสินค้านั้นวางจำหน่ายเลย
- การศึกษา Metaverse ช่วยทำให้สิ่งที่เป็นนามธรรม จับต้องและเข้าใจยาก กลายมาเป็นภาพเสมือนจริงที่สัมผัสและจับต้องได้ การเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ทั้งวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และสิ่งแวดล้อมก็จะเข้าใจได้ง่ายขึ้นและเกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น การทดลองวิทยาศาสตร์ที่มีความเสี่ยง หรือการเดินทางทัศนศึกษาในที่ห่างไกลและยากที่จะไปได้ในความเป็นจริง เช่น การผจญภัยในป่าอเมซอน หรือการดำน้ำลงดูประการังที่เกาะฟิจิ เป็นต้น ล้วนแต่ทำให้เกิดประสบการณ์ใหม่ๆ และได้ทำในสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ในสภาพกายภาพจริง นอกจากนั้นMetaverse ยังช่วยจำลองโลกเสมือนจริงและสร้างสถานการณ์จำลองให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนทักษะเบื้องต้นบางอย่างจนเกิดเป็นความชำนาญได้อีกด้วย (Mastery Learning) เช่น การเข้าสู่สภาพในอวกาศ ดวงดาวอื่น หรือ ได้ฝึกงานร่วมกับผู้มีความสามารถในระดับโลก เป็นต้น
ปัญหาของเมตาเวิร์ส
โลกใบใหม่นี้เป็นที่ที่ให้เราทุกคนเข้าไปอยู่ โดยอาจจะเข้าไปหารายได้เสริมหรือความบันเทิงในยามว่าง และด้วยความที่ยังเป็นโลกใหม่ จึงยังไม่มีกฎเกณฑ์หรือศีลธรรมมากำหนดการใช้ชีวิตในโลกเสมือนจริงนี้ จึงอาจทำให้สิ่งที่เป็นเสน่ห์ของโลกใหม่นี้อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ เช่น ในกรณีของหญิงสาวที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศในเมตาเวิร์ส ซึ่งจากการทดลอง พบว่า การถูกล่วงละเมิดในเมตาเวิร์สส่งผลกระทบต่อจิตใจของหญิงสาวคนนั้น ซึ่งยังคงเป็นคำถามว่า การกระทำผิดในโลกเสมือนจริงนั้น จัดเป็นความผิดจริง ๆ หรือไม่
ความที่ยังไม่มีอะไรมารองรับนี้ ดูเหมือนจะเป็นจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของเมตาเวิร์ส โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงเงินจริง ที่คนส่วนใหญ่จะต้องนำมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลเสมือนต่าง ๆ เพื่อการใช้ชีวิตในโลกเสมือนนี้ เปรียบเหมือนการเติมเงินในบัตรสำหรับการใช้จ่ายต่าง ๆ เราคงไม่กล้าเติมเงินจำนวนมาก ๆ มาเก็บไว้ หากร้านค้านั้นดูไม่มั่นคง พร้อมจะปิดกิจการได้ง่าย ๆ แลกมาเป็นแสน แต่หากวันต่อมาขับรถมาถึง ร้านปิดไปหมดแล้ว ก็ไม่รู้จะไปเอาเงินคืนจากใคร แจ้งความก็แจ้งไม่ถูก ไม่เหมือนเงินจริง ซึ่งอย่างน้อยก็จับต้องได้ และถูกค้ำประกันโดยทองคำ หรือมีรัฐบาลเป็นผู้การันตีมูลค่า แต่หากคิดดูดี ๆ ค่าของทองคำก็เป็นสิ่งที่มนุษย์สมมติขึ้นมาเช่นกัน เพราะฉะนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่สกุลเงินดิจิตัลต่าง ๆ จะมาแทนที่ หรือใช้ร่วมกับเงินปกติได้อย่างจริงจังในอนาคต หากการใช้ชีวิตในเมตาเวิร์สจะเป็นวิถีปกติใหม่อีกอย่างหนึ่งของมวลมนุษยชาติในอนาคตอันใกล้นี้
บรรณานุกรม
https://wired.com/story/what-is-the-metaverse/
https://tips.thaiware.com/ 1784.html#metaverse-in-the-near-future