ภาพจาก https://i.pinimg.com/originals/41/f0/b7/41f0b760ea1d09c8e73e97330219af6d.jp g
ผู้เขียนได้รับการบอกเล่าจากอาจารย์ท่านหนึ่งว่าภาพบยต์เรื่อง Flying color ดีมาก ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้และภาพของวัยรุ่นวัยเรียนในปัจจุบัน สามารถนำมาใช้ถอดบทเรียนเพื่อให้เกิดข้อคิดของการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะกับสังคมที่แปรเปลี่ยน ในคืนนั้นผู้เขียนเลยมุ่งมั่นในการดูเรื่องนี้ให้จบ ผู้ที่สนใจสามารถหาดูได้ไม่ยากนัก มีทั้ง version ที่บรรยายไทย เพราะเป็นภาพยนต์ญี่ปุ่น และ บรรยายด้วยภาษษอังกฤษ ผู้เขียนเลือกภาษษอังกฤษ เพราะดูแล้วจะเข้าใจได้ดีกว่า
ความชอบแบบ A-HA หลังดูจบคือ..ผู้อำนวยการโรงเรียนในภาพยนต์ที่ทำให้คนดูเซอร์ไพรท์ว่าอ้าว คนนี้เหรอผู้อำนวยการโรงเรียน...ทำให้สะท้อนว่า...ผู้อำนวยการโรงเรียนทั้งหลายควรเป็นแบบในภาพยนต์เรื่องนี้ แต่ไม่ใช่ว่าประเทศไทยไม่มีผู้อำนวยการ ที่ไม่ใช่เป็นเพียงผู้บัญชาการที่นั่งบนหอคอยงาช้างในโรงเรียนเท่านั้นแต่เป็นผู้ลงมือปฏิบัติ มีส่วนร่วมกับกิจกรรมทั้งหลายของในโรงเรียน ประเทศไทยก็มีนะ เพราะผู้เขียนได้พบและทำงานร่วมกันอยู่บ้าง
ต้องบอกว่าภาพยนต์มีเค้าโครงจากเรื่องจริงทำให้ผู้ชมรู้สึกได้ว่ามันเป็นโลกจริงๆ รู้สึกอินและมีส่วนร่วม ลุ้นไปกับทุกกิจกรรมและการกระทำของตัวเอกของเรื่องที่ชื่อ ซายากะ เธอเป็นภาพสะท้อนของเด็กรุ่นใหม่ ที่ต้องการความสนุกและความสุขในชีวิต แต่เธอก็อยู่ในสังคมที่มีความแข่งขันและคาดหวังสูง ซายากะโชคดีที่มีแม่ที่เข้าใจ พร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง เป็นคนสำคัญที่รัก ภูมิใจในตัวตนของลูกอย่างแท้จริง บางคนอาจจะมองว่าแม่ตามใจลูกเกินไปหรือไม่ แต่ผู้เขียนมองเห็นความรักและความเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวตนจริงๆของลูกมากกว่าจะเป็นการตามใจโดยไม่มีเหตุผล ผู้เขียนชื่นชมแม่ของซายากะที่แสดงออกอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาว่าพร้อมจะอยู่เคียงข้าง รัยนรู้และทำความเข้าใจในการกระทำของซายากะ สอนโดยไม่สั่ง ชี้ให้เห็นโดยไม่ดุด่า เพราะแม่พร้อมปกป้อง และเชื่ออย่างหมดใจว่าลูกตนเป็นคนดี อย่ามองเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่...ในขณะที่พ่อปฏิบัติตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ซายากะจึงเหมือนเป็นตัวแทนคนธรรมดาที่สามารถพบได้ทั่วไปในปัจจุบัน อักทั้งภาพยนต์ยังสะท้อน (ในความรู้สึกของผู้เขียน) ข้อความที่ว่า คบคนเช่นไร ย่อมเป็นคนเช่นนั้น เพราะรอบๆตัวเธอทุกคนมีแนวคิดและการใช้ชีวิตแบบเดียวกัน แต่ทุกคนที่เธอเรียกว่าเพื่อนก็เข้าใจเธอในสิ่งที่เธอเลือกว่าเธอจะเป็น
จุดเปลี่ยนสำคัญของซายากะก็คือ เธอถูกพักการเรียนและได้ไปพบกับโลกใบใหม่ พบครูคนใหม่เชื่อว่าเธอพัฒนาได้ ไม่มองเพียงภาพลักษณ์ภายนอก และพร้อมจะสนับสนุน ให้กำลังใจ ใช้ความชอบของเธอมาจูงใจให้เธอได้ทำในสิ่งที่รัก ที่ชอบและสนุก แต่ก็เป็นการเสริมความรู้ทางวิชาการเท่าที่จำเป็นดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ จุดนี้ก็เป็นไปตามสิ่งที่คนเป็นครูได้เรียนรู้ว่า การจูงใจให้ผู้เรียนสนใจก็ต้องใช้วิธีการที่หลากหลาย แตกต่างกันไปในผู้เรียนแต่ละคน ครูต้องทุ่มเท (มาก) ในการจัดเตรียมทรัพยากรเหล่านั้น อีกทั้ง คำชมคือแรงใจชั้นดี ครูต้อง “จับถูก” ไม่ใช่ “จับผิด” ผู้เรียนก็จะพัฒนาได้ ภาพยนต์เรื่องนี้จึงเป็นภาพบนต์ที่สร้างแรงบันดาลใจได้ดีเรื่องหนึ่ง
เรื่องโดย ผศ.ดร.วัชรี เกษพิชัยณรงค์ สถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ ม.มหิดล