วิถีชีวิตในโลกปัจจุบัน ทุกคนต่างใช้เวลาพอสมควรในการทำงาน และหลายๆคนอาจใช้เวลาในการทำงาน นานกว่าการทำกิจกรรมอื่นในรอบวัน ซึ่งบางครั้งมีผลต่อสุขภาพทางกายได้เช่น การนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ อาจเกิดอาการตาพร่า ปวดบ่า-ไหล่ ปวดหลัง ปวดเอว ซึ่งอาการต่างๆ เหล่านี้หากปล่อยไว้นานๆ ในระยะยาวอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ นอกจากนี้การทำงานภายใต้แรงกดดัน หรือสะสมความเครียดอาจนำไปสู่โรคต่างๆ ได้ ตั้งแต่โรคที่เกิดขึ้นโดยเฉียบพลัน อาการรุนแรง เช่นหัวใจวาย ซึ่งพบได้ในผู้ที่มีประวัติการทำงานดีเยี่ยม มีความมุ่งมั่น แม้ว่าอายุไม่มากรวมถึงที่พบได้ทั่วๆ ไปในวัยทำงานคือการปวดศรีษะ ภาวะความดันโลหิตสูง การทานอาหารไม่เป็นเวลา อาจทำให้ปวดท้อง กระเพาะอาหารอักเสบ การไม่มีเวลา รีบเร่งในการทานอาหารอาหารอาจเลือกอาหารที่มีคุณค่าอาหารน้อยเช่นมาม่า เวลาเบรคหรือเครียดๆ บางครั้งเราจะมีภาวะการควบคุมตัวเองได้น้อยลง อาจทำให้ตามใจตัวเองในการสรรหาเครื่องดื่มเพิ่มความสดชื่อเช่น น้ำปั่น ชา กาแฟผสมครีมเทียม นม น้ำตาล ซึ่งในระหว่างวัน อาจบริโภคจำนวนมากเกินไป อาจทำให้ได้รับพลังงานเกินพอดี มีภาวะน้ำหนักเกินได้
การตระหนักถึงความสำคัญของการทำงาน ภายใต้การรักษาสุขภาพ การดูแลตัวเองให้ดีไปควบคู่กัน จึงเป็นหัวใจสำคัญในการทำงานอย่างมีความสุข ซึ่งทำงานอย่างไรให้สุขภาพดี ซึ่งมีหลายแนวทางด้วยกัน โดยจะเริ่มจาก
ปรับพฤติกรรมทางกายเช่น
1.คำนึงถึงท่านั่งที่เหมาะสมในการทำงาน ไม่นั่งต่อเนื่องนานเกินไป หรือระหว่างวัน แทรกการบริหารเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
2.ปรับแสงจากคอมพิวเตอร์ให้มีความสว่างพอดี ไม่จ้องใกล้จอเกินไป พักสายตาบ้างระหว่างการทำงาน ป้องกันตาพร่ามัว
3.หากปฏิบัติงานอยู่ในฝ่ายที่ต้องตรวจเช็คคลังสินค้า ตรวจนับพัสดุ ครุภัณฑ์บ่อยๆ ยกของหนัก ควรยกของให้ถูกท่า หรือใช้อุปกรณ์ทุ่นแรงในการขนย้าย ซึ่งเราจะเห็นกันบ่อยๆ ในห้างสรรพสินค้าบางแผนก
4.คลายกล้ามเนื้อระหว่างวัน บริหารมือ แขน เอว ขาบ่า หลัง เมื่อนั่งนาน ทำงานต่อเนื่อง
ปรับพฤติกรรมการทำงาน เพื่อลดความกดดัน ความเครียดในการทำงาน
- การวางแผนงานก่อนปฏิบัติงาน มีการจัดระบบความคิด ระบบการทำงาน
เขียนงานที่จะปฏิบัติ จัดลำดับความสำคัญ ความด่วนของงาน ในแต่ละวัน
- สร้างแนวทางในการปฏิบัติ ขั้นตอนในการทำงานที่สะดวก รวดเร็ว ใช้เวลาน้อยที่สุด
- ทำงานให้รอบคอบ ทำงานให้แล้วเสร็จ ไม่ให้งานคั่งค้าง หากมีงานที่ไม่สามารถจัดการให้สำเร็จได้จะทำให้เกิดสภาวะเครียดได้
4.หมั่นพัฒนาตนเอง เรียนรู้เพิ่มเติมในสายงาน อาชีพ หรือความรู้ ความสามารถ ทั่วไป ให้การทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น ก็จะทำให้ควบคุมการทำงานให้สำเร็จ ลุล่วง ด้วยดี
คืนสมดุลแก่ชีวิต สร้างวิถึผ่อนคลายให้สุขภาพกายดี ใจมีความสุข
1.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดแป้ง ลดมัน ลดหวาน เมื่อร่างกายแข็งแรง สุขภาพดีก็มีความพร้อมในการทำงาน
2.เลือกเครื่องดื่มที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดีเช่น ชาร้อน น้ำขิง หากชื่นชอบกาแฟ อาจลองจิบกาแฟร้อนแบบไม่ใส่ครีมเทียม ครีม หรือน้ำตาลเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนไปดื่มเครื่องดื่มที่เพิ่มความตื่นตัวเช่นมะนาวโซดา น้ำผัก ผลไม้คั้นสด หรือผ่านการคั้นโดยเครื่องแยกกากเป็นต้น
3.ขณะพัก หามุมผ่อนคลาย เช่นเดินผ่านสระน้ำ มองดูต้นไม้ริมสระ ปลาแหวกว่ายในสายน้ำ นกบินโฉบไป มา เดินชมความงามตามธรรมชาติ กระถางดอกไม้ สวนดอกไม้ สวนสมุนไพร หรือสวนสาธารณะบริเวณใกล้เคียง
4.ยามเย็น แบ่งเวลาออกกำลังกายตามจริตหรือความชอบส่วนบุคคล ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย สร้างภูมิต้านทาน เพิ่มความแข็งแรง ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ การทำงานของหัวใจ ระบบภูมิคุ้มกัน ฮอร์โมน มีความผ่อนคลายจากการหลั่งสารแห่งความสุข
5.การใช้เวลาพักผ่อนวันหยุด ทำในสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ทำแล้วมีความสุข หรือมีคุณค่า ทำให้ชีวิตมีความสุข มีพลัง มีความเข้มแข็งทางจิตใจ พร้อมที่จะเจอกับทุกสภาพจริงของชีวิตในทุกๆ ด้าน เช่นการท่องเที่ยวชมธรรมชาติ การเดินทางไปในสถานที่ซึ่ง สวยงามแปลกตาจากวัฒนธรรมเดิมๆ การไปเที่ยวชิมอาหารอร่อยๆ การถ่ายภาพ ไปร่วมงานวิ่ง ไปร่วมการปั่นจักรยานขึ้นเขา การเป็นจิตอาสาไปช่วยสร้างโรงเรียน การไปปฏิบัติธรรม การไปเข้าคอร์สเรียนทำขนม จัดดอกไม้ เก็งกำไรจากการเทรดหุ้น หรือผ่อนคลายด้วยการเรียนดนตรี การไปตีกอล์ฟ เป็นต้น
การทำงานจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพ ความสำเร็จนั้น ผู้ปฏิบัติงานมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ และเมื่อองค์กรมีการทำงานดีไปพร้อมกับการมีสุขภาพดี ก็จะเป็นองค์กรแห่งความสุข เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและตอบแทนสังคมได้เป็นอย่างดี นั่นเองค่ะ เชิญชวนเริ่มต้นวันนี้กันเลยค่ะ
เรื่องโดย วรนาฏ คงตระกูล สถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ ม.มหิดล