จากที่ผู้เขียนได้เข้าร่วมรับฟังการบรรยายโดยศูนย์บริหารจัดการความเสี่ยง เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน โดยให้ความหมายของคำว่า ผลประโยชน์ทับซ้อน หมายถึง ผลประโยชน์ที่ทับซ้อนกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวมของผู้มีอำนาจหน้าที่ ที่ต้องตัดสินใจทำงานเพื่อส่วนรวม ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าหน้าที่ขององค์กร ภาคธุรกิจ เอกชน และเจ้าหน้าที่ภาคประชาสังคม และจากการบรรยายได้มีการยกตัวอย่างพฤติกรรมผลประโยชน์ทับซ้อนและการทุจริต ซึ่งพวกเราอาจจะมองข้ามไปด้วยซ้ำเช่น

• การนำทรัพย์สินของหน่วยงานมาใช้ประโยชน์ส่วนตัว เช่นใช้โทรศัพท์ของหน่วยงานติดต่อธุระส่วนตัว นำรถของหน่วยงานไปใช้ในธุระส่วนตัว
• การใช้อำนาจหน้าที่ช่วยญาติหรือบุคคลอื่นให้เข้าทำงาน
• การนำบุคลากรของหน่วยงาน ไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว
• การส่งเสริมหรือสนับสนุนให้ผู้ร่วมงานแสวงหาประโยชน์ส่วนตน
• การให้ของขวัญหรือของกำนัลเพื่อหวังความก้าวหน้า หรือหวังผลประโยชน์ที่มิชอบ
• การเพิกเฉยต่อการรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม
• การใช้ข้อมูลของหน่วยงานเพื่อแสวงหาประโยชน์แก่ตนเองหรือพวกพ้อง เช่นเจ้าหน้าที่พัสดุทราบมาตรฐาน (spec) วัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้ในการประมูลแล้วให้ข้อมูลกับบริษัทเอกชนเพื่อให้ได้เปรียบในการประมูล
• การรับงานนอกแล้วก่อให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของตน เช่นการรับจ้างเป็นที่ปรึกษาให้บริษัทเอกชนโดยนำเวลาราชการไปทำงานส่วนตัว
• การรับสินบนหรือรับของขวัญในรูปของเงินหรือผลประโยชน์อื่นใด ส่งผลให้มีการตัดสินใจที่เอื้อประโยชน์แก่ผู้ให้สินบนหรือบุคคลอื่น
• การที่มีหน้าที่ดูแลหรือจัดการกิจการหรือโครงการใด แล้วเข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น

ซึ่งต่อไปนี้หลังจากพวกเรารู้แล้วก็ควรเพิ่มระมัดระวังตัวเราเอง ที่จะไม่ทำให้สถาบันเสียผลประโยชน์กันเน้อ

เรื่องโดย อนงค์ ตังสุหน สถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ ม.มหิดล