จุลสารนวัตกรรม ฉบับที่ 73 – สาระน่ารู้ เรื่อง การพัฒนาความรู้และทักษะของผู้เรียนในยุคศตวรรษที่ 21

Newsletters

การพัฒนาความรู้และทักษะของผู้เรียนในยุคศตวรรษที่ 21

เรื่อง : จิราภรณ์ การะเกตุ

        การจัดอบรมและบริการวิชาการเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะของผู้เรียนในยุคศตวรรณที่ 21 นั้น มีหลายประเภทตามลักษณะของการพัฒนาความรู้และทักษะของผู้เรียน โดยประเภทหลัก ๆ 3 ประเภท ที่พบบ่อย ได้แก่
        1. การอบรมแบบการสอน:
           • อบรมแบบออฟไลน์ (Offline Training): การอบรมที่จัดในห้องเรียนหรือสถานที่เฉพาะโดยมีผู้สอนให้คำแนะนำและสอนตามเนื้อหาที่กำหนด
           • อบรมแบบออนไลน์ (Online Training): การอบรมที่จัดผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เช่น การสร้างคอร์สออนไลน์หรือการใช้แพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา
        2. การอบรมแบบสัมมนา (Seminar Training): การอบรมที่จัดขึ้นในรูปแบบการนำเสนอหรือการสอนที่มีผู้เชี่ยวชาญในงานเข้ามาแบ่งปันความรู้ โดยมักจัดในลักษณะที่ผู้เข้าอบรมได้มาเป็นกลุ่มเพื่อฟังการนำเสนอและสอบถามคำถาม
        3. การอบรมแบบฝึกปฏิบัติ (Practical Training): การอบรมที่มุ่งเน้นการฝึกปฏิบัติที่จำเป็นสำหรับการประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะที่ได้เรียนรู้ โดยมักจัดให้มีการสอนในสถานที่จริงหรือสถานการณ์ที่จะพบบ่อยในการปฏิบัติงาน

        การอบรมที่คนนิยมมากที่สุดนั้นอาจจะขึ้นอยู่กับความต้องการและวัตถุประสงค์ของผู้เรียนในแต่ละช่วงเวลา แต่อาจมีการอบรมแบบออนไลน์ที่มีความนิยมมากขึ้นเนื่องจากความสะดวกสบายในการเข้าถึงและความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ที่มีให้กับผู้เรียน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีการจำกัดในการเดินทางหรือการรวมตัวกลุ่มในที่เดียวโดยสมัย COVID-19 นี้
        การอบรมแบบฝึกปฏิบัติ มีหลายประเภทตามลักษณะของการฝึกปฏิบัติและวัตถุประสงค์ของการอบรม โดยประเภทหลักๆ 3 ประเภทที่พบบ่อย ได้แก่
         1. การฝึกปฏิบัติในสถานที่จริง (On-site Practical Training): การอบรมที่จัดให้ผู้เรียนได้ทำงานหรือปฏิบัติกิจกรรมในสถานที่จริง เช่น การฝึกงานในโรงงาน หรือการปฏิบัติงานในศูนย์บริการ
        2. การฝึกปฏิบัติในสถานที่จำลอง (Simulation Training): การอบรมที่จัดให้ผู้เรียนได้ทำการปฏิบัติในสถานที่จำลอง ซึ่งอาจเป็นการจำลองสถานการณ์จริง เพื่อให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์และเรียนรู้วิธีการปฏิบัติที่ถูกต้อง
        3. การฝึกปฏิบัติแบบมีความแข่งขัน (Competitive Practical Training): การอบรมที่จัดขึ้นในรูปแบบการแข่งขันระหว่างผู้เรียน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และความสามารถของผู้เรียนในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงและเป็นที่ต้องการความสนใจและความคิดสร้างสรรค์

การอบรมแบบฝึกปฏิบัติที่มีลักษณะที่ส่งเสริมการเรียนรู้มากที่สุดควรมีลักษณะดังนี้

         1. การสร้างสถานการณ์การเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์จริง: การอบรมควรจะสร้างสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับการทำงานจริงของผู้เรียน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความสามารถในการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์จริง
        2. การให้คำแนะนำและติชม (Feedback): การให้คำแนะนำและติชมเป็นส่วนสำคัญในการฝึกปฏิบัติ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้รับทราบถึงข้อผิดพลาดของชิ้นงานและวิเคราะห์ว่าผลงานของตนเองมีจุดเด่นและจุดด้อยอย่างไร ควรปรับปรุงตรงไหนเพื่อให้ผลงานออกมาดีมากยิ่งขึ้น
        3. การให้โอกาสในการฝึกซ้ำ (Repetition): การฝึกปฏิบัติควรมีการให้โอกาสในการฝึกซ้ำเพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญและความเข้าใจที่แม่นยำและถูกต้อง เพื่อความชัดเจนในการทำงาน
4. การให้การสนับสนุน (Support): การอบรมควรมีการสนับสนุนจากผู้สอนหรือผู้ที่มีประสบการณ์ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้รับความช่วยเหลือในการเรียนรู้และปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

        การอบรมแบบฝึกปฏิบัติที่มีลักษณะดังที่กล่าวมาทั้ง 4 แบบ นั้นจะช่วยในการส่งเสริมการเรียนรู้และปรับปรุงทักษะของผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งงานบริการวิชาการ สถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ เน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางได้ฝึกปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อส่งเสริมสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ที่ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่าง “รู้จริง รู้นาน สร้างสรรค์ และสื่อสารได้”

 

เนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่านหรือไม่ โปรดให้คะแนน

น้อยที่สุดน้อยมากมากที่สุด (No Ratings Yet)
Loading…
Views : 14 views