Steady or unsteady flow |
|
ใน
steady flow ความเร็วของอนุภาคของของไหล (fluid particle) ณ จุดใด
ๆ จะคงที่เทียบกับเวลา ตัวอย่างเช่นดังแสดงในรูปที่ 8-1 อนุภาคของของไหลอนุภาคหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่
1 ด้วยความเร็ว v1 = +2.0 m/s ใน steady flow ทุก ๆ อนุภาคที่วิ่งผ่านจุดที่
1 จะมีความเร็วเท่ากัน ที่ตำแหน่งหรือจุดอื่น ๆ ความเร็วอาจเปลี่ยนไป
เช่นในแม่น้ำ ที่บริเวณตรงกลางของแม่น้ำน้ำจะไหลเร็วกว่าที่บริเวณใกล้ฝั่ง
ดังนั้นที่จุดที่ 2 ความเร็วของของไหลอาจเป็น v2 = +0.5
m/s และถ้าเป็น steady flow ทุก ๆ อนุภาคที่ผ่านจุดที่ 2 จะมีความเร็วเป็น
+0.5 m/s ด้วย
รูปที่ 8-1 การไหลแบบ steady flow |
สำหรับการไหลแบบ
unsteady flow ความเร็วของอนุภาค ณ จุดจุดหนึ่งในของไหลจะเปลี่ยนแปลงตามเวลา
การไหลที่เป็นแบบ Turbulent เป็น unsteady flow ที่เห็นได้ชัดและมักจะเกิดที่การไหลด้วยอัตราเร็วสูงหรือเมื่อมีการไหลผ่านสิ่งกีดขวาง
หรือทางเดินของของไหลโค้งหรือคดเคี้ยว ใน turbulent flow ความเร็วของของไหล
ณ ตำแหน่งใด ๆ เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วทั้งขนาดและทิศทาง
UP
|
Compressibility or incompressibility flow |
|
ของเหลวส่วนใหญ่จะถูกบีบอัดไม่ได้
(incompressible) นั่นคือความหนาแน่นของของเหลวมีค่าคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลงตามความดัน
ดังนั้น โดยประมาณ ของเหลวก็จะไหลในทำนองที่มันถูกบีบอัดไม่ได้เช่นกัน
หรือที่เรียกว่า incompressible flow ในทางตรงกันข้าม แก๊สจะถูกบีบอัดได้
(compressible) ง่ายกว่า อย่างไรก็ตามก็มีกรณีแก๊สไหลโดยที่ความหนาแน่นของมันไม่เปลี่ยน
ก็จะถือว่ามันไหลแบบ incompressible flow ได้เช่นกัน
UP
|
Viscous or nonviscous flow |
|
ของไหลที่หนืด
(viscous fluid) เช่นน้ำผึ้ง จะไหลได้ยาก เราเรียกของไหลนี้ว่ามันมีความหนืด
(viscosity) มาก ในทางตรงกันข้ามน้ำมีความหนืดน้อยกว่า น้ำจึงไหลได้ง่ายกว่า
ความหนืดทำให้ชั้นของของไหล (fluid layers) ที่อยู่ติดกันเคลื่อนผ่านกันได้ยาก
ของไหลที่มีความหนืดเป็นศูนย์จะไหลได้โดยสะดวก เราเรียกของไหลที่มีความหนืดเป็นศูนย์
หรือไม่มีความหนืดเลย (nonviscous fluid) ว่า ของไหลอุดมคติ (ideal fluid)
ถึงแม้ในความเป็นจริงไม่มีของไหลใดเลยที่ไม่มีความหนืด แต่ของไหลหลายชนิดก็มีความหนืดน้อยมาก
ๆ ที่สามารถถือว่ามันไม่มีความหนืดก็ได้
UP
|
Rotational or irrotational flow |
|
การไหลของของไหลจะเป็นแบบหมุน
(rotational flow) ถ้าบางส่วนของของไหลมีทั้งการหมุนพร้อมทั้งการเลื่อนที่
(translation) เพื่อให้เห็นว่า การไหลของของไหลมีการหมุนหรือไม่ เราอาจนำกงล้อไปวางไว้ในทางไหลของของไหล
ถ้ากงล้อหมุนก็แสดงว่าการไหลเป็นแบบ rotational flow ดังรูปที่ 8-2 ถ้ากงล้อไม่หมุนการไหลก็จะเป็นแบบ
Irrotational flow ดังรูปที่ 8-3 และการไหลจะมีเฉพาะการเลื่อนที่เท่านั้น
สังเกตว่า
สำหรับ rotational flow ความเร็วของอนุภาคต่าง ๆ ของของไหลจะไม่เท่ากันที่ตำแหน่งต่าง
ๆ ในแนวดิ่ง
รูปที่ 8-4 แสดง flow lines และ flow tube |
เส้นทางการเดินของแต่ละอนุภาคของของไหลที่กำลังเคลื่อนที่เรียกว่า
flow line สมมติมี flow lines จำนวนหนึ่งลากผ่านบริเวณหนึ่งในของไหล
บริเวณที่ถูกล้อมรอบโดย flow lines เหล่านี้เรียกว่า flow tube ดังเช่นที่แสดงในรูปที่
8-4 จากนิยามของ flow line ถ้าการไหลเป็นแบบ steady flow จะไม่มีอนุภาคของไหลใดสามารถวิ่งผ่านผนังของ
flow tube ได้ และของไหลที่อยู่ใน flow tube คนละอันจะไม่สามารถรวมกันได้
รูปที่ 8-5 แสดง streamline |
ถ้าเราลากเส้นผ่านไปในของไหลที่กำลังไหล
โดยที่เส้นนั้นขนานกับเวกเตอร์ความเร็วของอนุภาคของไหล ณ จุดที่เส้นลากผ่านไป
เราเรียกเส้นนี้ว่า streamline รูปที่ 8-5 แสดงให้เห็นถึงเวกเตอร์ของความเร็วของอนุภาคของไหลที่จุดต่างๆ
3 จุด เส้นที่ลากผ่านจุดเหล่านี้คือ streamline ความเร็วของอนุภาคของของไหลสามารถเปลี่ยนได้จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งบน
streamline แต่ที่แต่ละจุดบน streamline ความเร็ว ณ จุดนั้นจะไม่เปลี่ยนแปลงตามเวลา
ซึ่งเป็นเงื่อนไขของ steady flow ดังนั้นบางครั้งเราอาจเรียก steady
flow ว่า streamline flow
UP
|
|