ฮิเดะกิ ยุกะวะ (ค.ศ. 1907-1981)

เน็ดเดอร์ ไมเออร์

        ในปี ค.ศ. 1935   ฮิเดะกิ ยุกะวะ  (Hideki Yukawa )   ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับแรง ที่ทำให ้
นิวคลีออน จับตัวกันอยู่ในนิวเคลียสได้ว่า เกิดจากแรงมหาศาลที่มีขอบเขตอยู่ในช่วงประมาณ   1 เฟมโตเมตร ( 10 - 15  เมตร )   ที่สำคัญคือแรงนี้เกิดจากการแลกเปลี่ยนอนุภาคใหม่ชนิดหนึ่ง
ระหว่างนิวคลีออนในนิวเคลียส   โดยยุกะวะทำนายว่า   อนุภาคใหม่นี้มีมวลอยู่กึ่งกลาง ระหว่าง มวลของอิเล็กตรอน และโปรตอน อีกทั้งตั้งชื่อว่า   " อนุภาคมีซอน" ( meson) ซึ่งในเวลาต่อมา   เน็ดเดอร์   ไมเออร( Nedder Meyer )  แลคาร์ล แอนเดอร์สัน   ก็ได้สังเกตพบอนุภาค ที่คาดว่า เป็น อนุภาคมีซอนตามที่ยุกะวะอ้างถึง แต่เมื่อพวกเขาศึกษาอย่างละเอียดกลับพบว่า  อนุภาคนี้ไม่ได้เกิดอันตรกิริยากับแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม แต่เกิดอันตรกิริยากับแรงนิวเคลียร์อย่าง อ่อนเท่านั้น  ดังนั้นเพื่อป้องกันความสับสนทำให้ในเวลาต่อมาได้มีการเสนอว่า แท้จริงแล้ว อนุภาคมีซอนมี 2  ชนิด ชนิดแรกเกิดอันตรกิริยาอย่างเข้มและเป็นไปตามที่ยุกะวะทำนาย เรียกว่า "พายมีซอน" ( pi meson )หรือ   "พายออน" (pion) ชนิดที่สอง เกิดอันตรกิริยาอย่างอ่อนเท่านั้นเรียกว่า  "มิวมีซอน" ( mumeson หรือ " มิวออน" (muon) นั่นแปลว่าอนุภาคที่เน็ดเดอร์ ไมเออร์และแอนเดอร์สันพบเป็น มิวออน และหลังจากนั้น 10 ปี เซซิล แฟรงก์ เพาเวลล์ (Cecil Frank Powell  ค.ศ. 1903-1969) ก็ได้ค้นพบอนุภาคพายออน
              อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายการทดลองที่สำคัญๆ     จากการศึกษารังสีคอสมิก ที่ทำให้
นักวิทยาศาสตร์ พบอนุภาคใหม่ ๆ  จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ  รวมทั้งการค้นพบอนุภาคใหม่ๆจากการ
ทดลองด้วยเครื่องเร่งอนุภาค เพื่อจะตอบคำถามที่ว่า “ โปรตอน นิวตรอน และ อิเล็กตรอน เป็น อนุภาคมูลฐาน (elementary particles) ของสสารแล้วใช่หรือไม่       เครื่องเร่งอนุภาคเป็น
เครื่องมือที่ถูกสร้างขึ้นจากแนวคิดที่ว่า ถ้าอยากรู้ว่าข้างในอนุภาคมีอะไร   ก็ต้องทำให้อนุภาคนั้น
แตกออก โดยการเร่งให้มีความเร็วสูงๆ  แล้วนำมาชนกัน เพื่อดูส่วนที่แตกออกมา     และจากการ
ทดลองด้วยเครื่องมือนี้เอง ที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์พบอนุภาคใหม่ ๆ หลายชนิดที่แตกออกมาจาก
ทั้งในโปรตอน และนิวตรอน   ตอนแรกพวกเขาเรียกกลุ่มอนุภาคเหล่านี้รวม ๆ ว่า "เฮดรอน"
(hadron)  แต่ดูเหมือนว่าจะมีการค้นพบเฮดรอนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด   ดังนั้นพวกเขาจึงต้องหา
หลักการที่จะมาอธิบาย หรือจัดหมวดหมู่เฮดรอนนั้นให้ได้

เมอร์เรย์ เกลล์ - มันน์  (ค.ศ. 1929- )

จอร์จ   ชไวก์  (ค.ศ. 1937- )

            ในปี ค.ศ.1964 เมอร์เรย์ เกลล์ - มันน์ แห่งสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนียร์( California Institute of Technology ) และ จอร์จ   ชไวก์ แห่ง CERN    (ตัวย่อนี้ปัจจุบันในวงการ
วิทยาศาสตร์ มักอ่านออกเสียงว่า "เซิร์น" ย่อมาจากภาษาฝรั่งเศษคือ Centre European  Recherche
Nucleaire โดยเป็น ห้องปฏิบัติการของยุโรปในด้านฟิสิกส์ของอนุภาค  (The European Laboratory forParticle Physics))  ได้เสนอแนวคิดว่า การที่จะอธิบายและจัดกลุ่มเฮดรอนที่ค้นพบ
ได้นั้น   ต้องเชื่อว่าในเฮดรอนมีองค์ประกอบย่อยบางอย่างที่เหมือนกัน   อีกทั้งอนุภาคนี้จะเป็น
องค์ประกอบย่อยที่สุดของสสารด้วย  พวกเขาได้ตั้งชื่ออนุภาคนี้ว่า " ควาร์ก"   (คำนี้เป็นคำที่ เกลล์ - มันน์เสนอขึ้นตามความประทับใจในบทกลอนบรรทัดหนึ่งในหนังสือชื่อว่า "Finnegans Wake"ซึ่งเป็นหนังสือที่กวีชื่อดัง เจมส์ จอยส์ ( James Joyce )ได้แต่งขึ้น)
  ในตอนแรกเกลล์-มันน์ และชไวก์ เสนอว่าควาร์กมีทั้งหมด 3 ชนิดคือ ควาร์กขึ้น (up quark)  ควาร์กลง(down quark)และ
ควาร์กประหลาด (strange quark)
  แต่จากการศึกษาอย่างจริงจังเพื่อตรวจสอบแนวคิดดังกล่าวของ
กลุ่มนักวิทยาศาสตร์   ไม่นานก็พบหลักฐานที่แน่ใจว่า ควาร์กเป็นองค์ประกอบย่อยที่สุดชนิดหนึ่ง
ของสสาร  และควาร์กมีทั้งหมด 6 ชนิด คือ ควาร์กขึ้น (up quark)  ควาร์กลง(down quark) ควาร์กประหลาด (strange quark)  ควาร์กมีสเน่ห์ (charm quark) ควาร์กบั้นท้าย(bottom quark)
และตัวสุดท้ายที่ค้นพบในปี ค.ศ. 1995 คือ  ควาร์กบั้นหัว (top quark)    และรู้ว่าแท้จริงแล้วใน
โปรตอนนั้นประกอบด้วยควาร์กขึ้น 2 ตัวและควาร์ลง 1 ตัว สำหรับในนิวตรอนประกอบด้วย
ควาร์กลง 2 ตัว และควาร์กขึ้น 1 ตัว นั่นเอง
                ตอนนี้เราทราบแล้วว่า อะตอม โปรตอนและนิวตรอนไม่ใช่องค์ประกอบพื้นฐานที่สุด
ของสสารที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ หรือที่เรียกว่า "อนุภาคมูลฐาน" (elementary particles) อีกต่อไป แต่เป็นกลุ่มอนุภาคเช่น ควาร์ก อิเล็กตรอน  มิวออน และนิวตริโน ต่างหากที่เป็นอนุภาคมูลฐาน ประมาณในช่วงปี ค.ศ. 1970  นักฟิสิกส์นำโดย เชลดอน ลี กลาสชาว (Sheldon Lee Glashow:1932-)  ก็ได้สร้าง " แบบจำลองมาตรฐาน ”(standard model) ขึ้น เพื่อใช้อธิบาย
สมบัติของอนุภาคมูลฐานต่างๆ ที่ค้นพบเหล่านั้น โดยแยกอนุภาคมูลฐานออกเป็น 2 กลุ่มคือ "กลุ่มควาร์ก" (quarks)  และ "กลุ่มเลปตอน" (leptons)ซึ่งเป็นชื่อเรียกสำหรับอนุภาคมูลฐานที่
ไม่เกิดอันตรกิริยากับแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม ได้แก่   อิเล็กตรอน (electron)   มิวออน (muon)  ทาว(tau)    อิเล็กตรอนนิวตริโน (electron nutrino)  มิวออนนิวตริโน (muon nutrino)    และทาว
นิวตริโน
(tau nutrino)