ขอน้อมนำพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2533

“ต่างคนต่างมีหน้าที่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำเฉพาะหน้าที่นั้นเพราะว่าถ้าคนใดทำหน้าที่เฉพาะของตัวโดยไม่มองแลคนอื่น งานก็ดำเนินไปไม่ได้ เพราะเหตุว่างานทุกงานจะต้องพาดพิงกัน จะต้องเกี่ยวโยงกัน ฉะนั้นแต่ละคนต้องมีความรู้ถึงงานของผู้อื่นแล้วช่วยกันทำ”

หากทุกคนได้น้อมนำพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาใช้ในการทำงานก็จะสามารถลดความเครียดจากการทำงานลงไปได้ โดยเราไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แค่เราใส่ใจงานในหน้าที่ของเราว่าเกี่ยวข้องกับใครบ้าง ควรแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องให้ทราบเพื่อเค้าจะได้วางแผนการทำงานต่อไปได้ ทำให้งานไม่เกิดปัญหา ยกตัวอย่างง่าย ๆ นะคะ ตัวผู้เขียนเป็นนักวิชาการเงินและบัญชี ถ้าหากไม่สนใจที่จะถามเพื่อน ๆน้อง ๆ ว่าใครมีงานอะไรบ้างที่จำเป็นจะต้องใช้เงินทดรองจ่าย ถึงเวลาที่ใช้ต้องใช้เงินทดรองจ่ายก็ไม่มีเงินทำให้เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ มีปัญหาในการทำงานได้ หรือกรณีที่เราจัดประชุมและเชิญแขกจากข้างนอกมาด้วย เราก็แจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องให้ทราบเพื่อจองห้องประชุม จองที่จอดรถ แค่นี้ปัญหาเรื่องห้องชนกับคนอื่นก็หมดไป ปัญหาเรื่องที่จอดรถก็ไม่มีเพราะเราทราบและได้จองไว้ เราทำได้ง่าย ๆ เพียงคิดว่าสิ่งที่เราทำจะไปเกี่ยวข้อง เชื่อมโยงกับใครและจะเกิดความเสียหายกับสถาบันแค่ไหน โดยมองภาพรวมของทั้งสถาบันฯ ไม่มองเฉพาะหน้าที่ของตน

เรื่องโดย อนงค์  ตังสุหน  สถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ ม.มหิดล