วิวัฒนาการของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
บรรพบุรุษของสัตว์มีกระดูกสันหลังเริ่มจากสัตว์น้ำที่มีรูปร่างคล้ายปลา
แต่ไม่มีขากรรไกร ต่อมาวิวัฒนาการออกเป็นสองสาย สายที่หนึ่งคือพวกปลาปากกลม
(cyclostome) ซึ่งส่วนมากสูญพันธุ์ไปแล้ว ในปัจจุบันเหลือเพียงปลาปากกลมสมัยใหม่
ได้แก่ แฮคฟิช (hagfish) และแลมเพรย์ (lamprey) อีกสายหนึ่งเป็นพวกปลาที่มีขากรรไกรและครีบคู่
เรียกว่า พลาโคเดิร์ม (placoderm) ทำให้พฤติกรรมการกินอาหารเปลี่ยนไปจากการดูดกินสารอินทรีย์ในน้ำ
ปลาไม่มีขากรรไกรออสตราโคเดิร์ม
(ostracoderm) สูญพันธุ์ไปแล้ว มีกำเนิดตั้งแต่ยุคแคมเบรียนตอนปลาย
จนถึงยุคดีโวเนียน และเป็นบรรพบุรุษของพลาโคเดิร์ม
ปลาแฮคฟิช (ซ้าย) ปลาแลมเพรย์
(ขวา) เป็นปลาปากกลมสมัยใหม่ ซึ่งไม่มีขากรรไกรที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบัน
ต่อมาพลาโคเดิร์มมีวิวัฒนาการแยกออกเป็นปลาสองกลุ่มคือ
ปลากระดูกอ่อน (cartilaginous fish) และปลากระดูกแข็ง (bony
fish) ซึ่งอาจเริ่มเกิดตั้งแต่ยุคซิลูเรียนตอนปลาย ลักษณะสำคัญที่ทำให้ปลาสองกลุ่มนี้ประสบความสำเร็จในการดำรงชีวิตในน้ำคือการปรับตัวด้านรูปร่างและโครงสร้างบางอย่าง
เช่น การมีลำตัวเพรียว การมีครีบ การพัฒนากระดูกเพื่อช่วยค้ำจุนขากรรไกรและกล่องสมองเป็นต้น
จากกลุ่มปลากระดูกแข็งนี้เองที่วิวัฒนาการต่อไปสายเป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกพวกแรกๆ
และจากนั้นสัตว์กลุ่มนี้จึงมีวิวัฒนาการออกเป็นสองสาย สายแรกวิวัฒนาการไปเป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกในปัจจุบัน
อีกสายหนึ่งแยกไปเป็นสัตว์เลื้อยคลานพวกแรกๆ
ดังเคิลออสเตียส
(dunkleosteus) เป็นปลาขนาดใหญ่ที่มีขากรรไกร ขนาดตัวยาวเกือบ
10 เมตร
เป็นผู้ล่าอันดับต้นๆในท้องทะเลช่วงยุคดีโวเนียน หรือประมาณ
409-363 ล้านปีก่อน
|