วาทกรรมว่าด้วยเพื่อน
เรื่อง : ดร.มนัสวี ศรีนนท์
ตอนนี้สังคมไทยได้มีคำถามเกี่ยวกับความเป็นเพื่อนที่แต่ละคนคบหาสมาคมกันอยู่นั้นน่าไว้เนื้อเชื่อใจได้มากน้อยเพียงใด เพราะที่ผ่านมาถึงตอนนี้ ได้เกิดความสงสัยกันว่า คนบางคนที่คบหากันอยู่นั้นสามารถคบได้อย่างสนิทใจหรือไม่ ด้วยว่าบางเหตุการณ์เพื่อนบางคนก็หลอกลวงหรือโกหก ไม่รักษาคำพูดหรือพูดอย่างทำอย่างนั่นเอง ดังนั้น เพื่อให้ได้ประโยชน์ในเรื่องเพื่อนกันให้มากขึ้น ผู้เขียนจึงได้ไปทบทวนวรรณกรรมที่กล่าวถึงเพื่อนไว้ต่าง ๆ จนสรุปเป็นได้ 2 แนว ดังนี้
1. เพื่อนแนวลบ เพื่อนพวกนี้จะมีลักษณะท่าทางที่สามาถตรวจสอบหรือเห็นได้โดยไม่ยากนักหากได้สังเกตดูคือ เพื่อนแนวลบนี้จะมีลักษณะเข้าหาตัวเราด้วยผลประโยชน์ที่คิดว่าจะได้เท่านั้นหรือเข้าหาเพื่อจะได้ชักชวนให้ทำตามที่เขาต้องการ ตลอดถึงว่า เมื่อตัวเรามีอะไร เขาก็จะพยายามขอหยิบยืมจนทำให้เกิดความลำบากกายใจได้ ดังนั้น หากมีเพื่อนหรือคนรอบข้างที่มีลักษณะตามนี้ ก็พึงได้คบ แต่อย่าได้ไว้ใจเป็นอันขาด ด้วยเพื่อนลักษณะแบบนี้จะมองคนอื่นเป็นเพียงแค่ทางผ่านให้เขาได้ผลประโยชน์เท่านั้น อีกนัยหนึ่ง เพื่อนแนวลบนี้ ไม่มีทางที่เขาจะมองคนอื่นเป็นเพื่อนเขา เพราะเขาเองมองคนอื่นเป็นเพียงบางสิ่งที่ตอบสนองความต้องการของเขาเท่านั้น
2. เพื่อนแนวบวก เพื่อนแนวนี้ตัวเราควรที่จะได้คบค้าสมาคมด้วย และเพื่อนแนวนี้ถึงแม้จะมีจำนวนไม่มาก ก็ไม่ต้องไปซีเรียสอะไร เพราะแม้มีไม่มาก แต่เขาสามารถทำให้เจริญรุ่งเรืองกว่าเพื่อนแนวลบที่แม้จะมีมาก แต่ก็ไม่สามารถหาประโยชน์อะไรได้เลย เรียกว่าคบแล้วก็มีแต่เสีย คล้ายๆ กับเรื่องเงิน ถึงแม้จะมีมาก แต่ถ้าเป็นเงินในกระเป๋าคนอื่น จำนวนเงินที่มากนั้น ก็ไม่เป็นประโยชน์กับตัวเราเลย สรุปแล้ว เพื่อนแนวบวกนี้ที่มีลักษณะชอบช่วยเหลือจุนเจือ และเวลามีปัญหาก็จะช่วยคำแนะนำแนวทางหรือช่วยด้วยวัตถุสิ่งของก็มี แต่ที่แน่นอนที่สุด เพื่อนแนวบวกนี้จะไม่หนีหายไปไหน ทั้งบนบกหรือในน้ำ ทั้งขณะสบายหรือลำบาก โดยเฉพาะตอนลำบาก เพื่อนแนวบวกนี้จะไม่ยอมทิ้งไปไหนเป็นอันขาด
จากที่กล่าวถึงความเป็นเพื่อนหรือเพื่อนที่คบค้าสมาคมอยู่ในสังคมนี้ คงหนีไม่พ้นเพื่อน 2 แนวลักษณะดังกล่าวมา จึงเป็นเรื่องที่ผู้เขียนอยากจะชวนให้ทุกท่านให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะเรื่องนี้เป็นจุดชี้เป็นชี้ตายของตัวเราได้เลย หากเรามีเพื่อนแนวลบ เป็นไปได้ยากที่จะปลอดภัยหรือเจริญก้าวหน้า คงมีแต่ความสับสนวุ่นวาย หรือถึงขั้นเสียชีวิตไปเลยก็ได้ ส่วนถ้ามีเพื่อนแนวบวก ความสุขความสำเร็จความสมหวังในชีวิตก็เกิดขึ้นได้ไม่ยากนัก การหวาดระแวงก็ไม่มี เรียกว่าสุขภาพจิตจะโปร่งโล่ง เกิดสุขสำราญทั้งทางร่างกายและจิตใจ ดังจะเห็นได้จากที่ครูบาอาจารย์สอนสั่งกันต่อ ๆ มาว่า “คบคนเช่นไร ก็เป็นคนเช่นนั้น” และ “คบคนพาล พาลพาไปผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล” สรุปแล้ว ควรเป็นอย่างยิ่งที่แต่ละคนจะคบหาใครก็ควรได้พิจารณาตรวจสอบให้ดี โดยเพื่อนที่ดีนั้น ก็คงไม่ใช่เพื่อนที่รวยหรือมีตำแหน่งใหญ่โตอะไร ตรงกันข้าม เพื่อนที่ดีนั้นคือเพื่อนที่อยู่ร่วมกับเราในยามทุกข์ยากหรือไม่ทิ้งไปไหนแม้ในขณะที่ตัวเราลำบากสุด ๆ มิเว้นแม้กระทั่งเรื่องความอยู่รอดปลอดภัยของชีวิต ดังนั้น ทุกคนไม่ควรให้เรื่องการคบเพื่อนเป็นเพียงแค่บางสิ่งในชีวิต แต่ควรให้เป็นเรื่องที่สำคัญเท่าชีวิต
เนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่านหรือไม่ โปรดให้คะแนน
(No Ratings Yet)Loading…