เทคนิคการป้องกันตนจากแก๊ง Call Center
เรื่อง : ดร.มนัสวี ศรีนนท์
ในช่วงนี้และที่ผ่าน ๆ มา สังคมไทยได้รับความเสียหายจากแก๊ง Call Center กันมาก ทั้งที่จริงตอนนี้สังคมไทยก็มีกฎหมายอยู่หลายฉบับที่จะช่วยในการป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้นจากมิจฉาชีพเหล่านี้ แต่ที่ผ่านก็มาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการมีกฎหมายและเงื่อนไขต่าง ๆ ในสังคมอีกมากมาย ก็ไม่ได้ทำให้เกิดปลอดภัยขึ้นมากกว่าเดิมสักเท่าไร ซ้ำร้ายกลับกลายเป็นมีความรุนแรง ความถี่ และความน่ากลัวยิ่งกว่าอีก เพราะระบบการสื่อสารออนไลน์ในยุคนี้ได้ช่วยทำให้มิจฉาชีพดังกล่าวเข้าถึงตัวผู้คนในสังคมทุกชั้นวัยได้สะดวกขึ้น มากขึ้น และเร็วขึ้นนั่นเอง ดังนั้น จึงมีโจทย์ที่จะต้องทำให้ได้คำตอบเพื่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ให้ทุเลาเบาบางลงหรือสามารถที่จะช่วยคนให้หลุดรอดจากภยันตรายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น
ในเรื่องนี้ ผู้เขียนมีข้อเสนอดังนี้ ถึงแม้ว่าจะมีกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับเกิดขึ้นมากมายในสังคม ก็ใช่ว่าจะทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้อย่างทันตาทันใจ เพราะเมื่อสังคมสร้างกฎหมายหรือระเบียบขึ้นมา พวกมิจฉาชีพก็จะเพิ่มความสลับซับซ้อนในการหลอกลวงให้มากขึ้นเช่นเดียวกัน จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าสังคมจะจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างง่าย ๆ ไม่ต้องมีอะไรซับซ้อนมากขึ้นได้หรือไม่ ในที่นี้ ผู้เขียนเข้าใจว่าคงไม่ต้องไปใช้เครื่องมืออะไรมากมายจนทำให้สูญสิ้นทรัพย์สินเงินทองไปอีกมากมาย เรียกว่าหากจะจัดซื้อจัดจ้างเครื่องมือให้ทันสมัยตลอดจนออกกฎหมายหรือเพิ่มเจ้าหน้าที่จึงไม่น่าจะทันการณ์และคงจะต้องใช้เวลาอีกนาน เมื่อเป็นเช่นนี้ ประชาชนในสังคมคงเดือดร้อนกัน จึงเห็นควรอย่างยิ่งที่จะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในการนำเสนอข้อมูลการรับมือกับมิจฉาชีพแบบนี้เป็นแนวทางได้ ส่วนที่สำคัญที่อยากจะชี้นำเป็นหลักคือควรอย่างยิ่งที่สังคมจะปลูกฝังการมีสติสัมปชัญญะ ไม่วู่วาม ไม่ด่วนเชื่อ ใช้โยนิโสมนสิการเป็นประจำให้กับคนในสังคมให้ติดเป็นนิสัย เพราะหลายครั้งที่หลายคนในสังคมถูกมิจฉาชีพแก๊ง Call Center หลอกลวงจนสูญเสียทรัพย์สินเงินทองนั้นมักมาจากการขาดสติสัมปชัญญะเป็นปราการด่านแรกเสมอ กล่าวคือหากแต่ละคนในสังคมมีสติสัมปชัญญะแล้ว เมื่อแก๊ง Call Center ติดต่อเข้ามาด้วยวัตถุประสงค์อย่างไร หลักสติสัมปชัญญะจะช่วยทำหน้าที่คิดตัดสินใจให้ละเอียดรอบคอบได้ เปรียบได้กับการปิดประตูบ้าน แล้วผู้ร้ายจะเข้ามาไม่ได้หรือถึงแม้จะเข้ามาได้ ก็หาทำอันตรายได้ไม่
ส่วนเทคนิคการป้องกันตนจากแก๊ง Call Center นี้ ผู้เขียนขอเสนอให้มีการฝึกฝนนิสัยการใช้ความเชื่อและความรู้ให้สอดรับประสานกันคือทั้งความเชื่อและความรู้นั้นจะต้องถูกนำมาใช้ให้ทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยให้ใช้สติสัมปชัญญะเป็นหลักการขับเคลื่อนชีวิตประจำวันดังนี้
1. อย่าด่วนใช้ความเชื่อตัดสินใจ ได้แก่ การที่ไม่รีบด่วนตัดสินใจดำเนินการไปตามที่แก๊ง Call Center ติดต่อมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ควรใช้สติสัมปชัญญะในการฟังเรื่องราวและต้องไม่รีบตัดสินใจไปเลยเพียงเพราะแก๊ง Call Center โทรมาในชื่อคนหรือเบอร์ที่รู้จักมักคุ้น ด้วยทุกวันนี้ การแฮกข้อมูลแล้วปลอมตัวเป็นคนที่รู้จักก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ดังนั้น การอย่าพึ่งด่วนเชื่อตัดสินใจทำตามที่แก๊ง Call Center บอก จึงเป็นวิธีการหนึ่งในการป้องกันตนเองจากการหลอกลวงได้
2. รีบใช้ความรู้พินิจพิเคราะห์เหตุการณ์ ได้แก่ การใช้ความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมาในการป้องกันตนเองจากแก๊ง Call Center คือการศึกษาหาความรู้จากเอกสารหรือสื่อต่าง ๆ ยังมีความจำเป็นอยู่เสมอ เพราะเล่ห์เหลี่ยมของแก๊ง Call Center นั้นจะพัฒนาไปเรื่อยตามสถานการณ์ ดังนั้น การที่หมั่นแสวงหาความรู้ในเรื่องการป้องกันตนเองอยู่ตลอด จึงเป็นกำแพงชั้นดีในการดูแลตนเองอีกทาง นอกจากที่ไม่ใช้ความเชื่อด่วนตัดสินใจไปเลย
จากที่กล่าวมาแบบย่อ ๆ ในเรื่องการป้องกันตนเองจากการหลอกลวงของแก๊ง Call Center นี้ เป็นเรื่องที่ประชาชนในสังคมไม่สามารถหลีกหนีไปได้ ยิ่งยุคนี้ด้วยแล้ว ข้อมูลข่าวสารมักส่งถึงแต่ละคนโดยเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยด้วยแล้ว จึงไม่ควรไปเน้นที่เรื่องกฎหมายการละเมิดข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลและไม่ควรไปโทษระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพราะการคิดแบบนั้นไม่น่าจะทำให้อะไรดีขึ้นได้ จึงควรมาปรับที่วิธีการครองตนของเราในสังคมจะดีกว่าและแก้ปัญหาได้มีประสิทธิภาพมากกว่า คือ ต้องไม่ด่วนเชื่อและต้องใช้ความรู้ประคับประคองตนเองให้มากที่สุด แล้วเรื่องราวทุกอย่างจากแก๊ง Call Center จะถูกปิดกั้น โดยที่ตัวเราก็ไม่ได้ปิดกั้นการสื่อสาร เรียกว่าใช้ชีวิตอยู่ในโลกเสรีได้อย่างมีอิสรเสรีทุกขณะเวลาและทุกพื้นที่
เนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่านหรือไม่ โปรดให้คะแนน
(No Ratings Yet)Loading…